วันที่ 27 ตุลาคม 2560 บรรยากาศบริเวณท้องสนามหลวง โดยเฉพาะริมถนนฝั่งศาลฎีกา ยังคงเต็มไปด้วยความโศกเศร้าของประชาชนที่มาร่วมงาน แม้พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล เก็บพระบรมอัฐิ จะเสร็จสิ้นไปแล้วก็ตาม
หม่อมหลวง มิชมาลา เปิดเผยว่า ตนรู้สึกผูกพันกับในหลวง รัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์ เนื่องจากครั้งหนึ่งเคยเป็นนักเรียนโรงเรียนจิตรลดา กินข้าวหลวงมาตั้งแต่เด็ก ๆ พ่อแม่ก็ถวายงานพระบรมวงศานุวงศ์มาตลอดชีวิต ทำให้ได้เห็นภาพในหลวงทรงงาน และเสด็จพระราชดำเนินไปทั่วทุกพื้นที่ ตั้งแต่ตนยังเป็นเด็ก
หม่อมหลวง มิชมาลา เผยอีกว่า การที่ได้เป็นตัวแทนพี่น้องคนไทยที่ได้มาร่วมพระราชพิธีในครั้งนี้ ทำให้ราชสกุลทุกคนที่อยู่ในริ้วขบวนล้วนแต่ตื่นเต้น กลัวเกิดความผิดพลาด ดังนั้นในช่วงเวลาการฝึกซ้อม ทุกคนจึงตั้งใจซ้อมอย่างเต็มที่ ก่อนวันงานยอมรับว่าตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ กังวลแม้กระทั่งว่าจะสวมเสื้อผ้าอย่างไรให้สามารถทนได้กับทุกสภาพอากาศ นอกจากนี้ยังต้องดูแลเรื่องการกินอาหาร เพราะไม่อยากให้ร่างกายเจ็บป่วย เนื่องจากอยากจะถวายงานให้สมพระเกียรติ เชื่อว่าราชสกุลทุกคนจะไม่ยอมป่วย
เมื่อมาถึงวันพระราชพิธี หม่อมหลวง มิชมาลา ยอมรับว่า ในพระราชพิธีบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า แต่ด้วยราชสกุลทุกคนจะถูกสอน และได้ยินพระราชดำรัสของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาเสมอว่า ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง ให้ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด เมื่อกลับถึงบ้าน ก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ ตนยอมรับว่า นั่งร้องไห้ในพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง
ขณะเดียวกัน หม่อมหลวง มิชมาลา เผยว่า นอกจากจะได้ร่วมริ้วขบวนที่ 3 แล้ว ตนยังมีโอกาสที่จะได้ร่วมในริ้วขบวนที่ 5 ที่จะอันเชิญพระบรมอัฐิ จากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ไปที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ซึ่งถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ดังนั้นไม่มีสิ่งใดที่ตนนั้นจะทำถวายไม่ได้ จากนี้ไป พระองค์จะอยู่ในใจเสมอ