ปัญหาน้ำท่วมในประเทศไทยเป็นปัญหาที่เรื้อรังมายาวนาน และตั้งแต่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในเขตกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑลยาวนานกว่า 2 เดือน เมื่อปี พ.ศ. 2538 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 จึงมีพระราชดำริจัดทำโครงการแก้มลิง เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัย โดยอิงจากหลักการกินกล้วยของฝูงลิง
โครงการแก้มลิง กับความเป็นมา
สืบเนื่องจากปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2538 และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทอดพระเนตรเห็นว่า ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นนั้นเรื้อรังกว่า 2 เดือน ในวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538 จึงมีพระราชดำริโครงการแก้มลิงขึ้นครั้งแรก เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย พร้อมทั้งช่วยอนุรักษ์น้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
แนวคิดโครงการแก้มลิงเกิดจากการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มีพระราชดำรัสถึงลิงที่อมกล้วยไว้ในกระพุ้งแก้มได้คราวละมาก ๆ โดยมีพระราชกระแสอธิบายว่า
"ลิงโดยทั่วไปถ้าเราส่งกล้วยให้ ลิงจะรีบปอกเปลือก เอาเข้าปากเคี้ยว แล้วนำไปเก็บไว้ที่แก้มก่อน ลิงจะทำอย่างนี้จนกล้วยหมดหวีหรือเต็มกระพุ้งแก้ม จากนั้นจะค่อย ๆ นำออกมาเคี้ยวและกลืนกินภายหลัง"
ภาพจาก เรารักพระเจ้าอยู่หัว
ภาพจาก เรารักพระเจ้าอยู่หัว
วัตถุประสงค์ของโครงการแก้มลิง
โครงการแก้มลิงสร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมขัง โดยใช้หลักการทางธรรมชาติคือกักเก็บน้ำฝนเอาไว้ เพื่อรอเวลาระบายออก ซึ่งลักษณะการดำเนินงานของแก้มลิงจะมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
ภาพจาก มูลนิธิมั่นพัฒนา
ลักษณะและวิธีการของโครงการแก้มลิง
1. ดำเนินการระบายน้ำออกจากพื้นที่ตอนบนให้ไหลไปตามคลองในแนวเหนือ-ใต้ ลงคลองพักน้ำขนาดใหญ่ที่บริเวณชายทะเล เช่น คลองชายทะเลของฝั่งตะวันออก ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นบ่อเก็บน้ำขนาดใหญ่ คือ แก้มลิง ต่อไป
2. เมื่อระดับน้ำทะเลลดต่ำลงกว่าระดับน้ำในคลอง ก็ทำการระบายน้ำจากคลองดังกล่าวออกทางประตูระบายน้ำ โดยอาศัยทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของโลก (Gravity Flow) ตามธรรมชาติ
3. สูบน้ำออกจากคลองที่ทำหน้าที่ แก้มลิง ให้ระบายออกในระดับต่ำที่สุดออกสู่ทะเล เพื่อจะได้ทำให้น้ำตอนบนค่อย ๆ ไหลมาเองอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณน้ำท่วมพื้นที่ลดน้อยลง
4. เมื่อระดับน้ำทะเลสูงกว่าระดับน้ำในลำคลองให้ทำการปิดประตูระบายน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะเลไหลย้อนกลับ โดยยึดหลักน้ำไหลทางเดียว (One Way Flow)
ภาพจาก สำนักงาน กปร.
โครงการแก้มลิงแบ่งออกเป็น 3 ประเภท โดยแยกตามขนาดของแก้มลิง ดังนี้
1. แก้มลิงขนาดใหญ่
แก้มลิงขนาดใหญ่ เปรียบได้กับสระน้ำหรือบึงขนาดใหญ่ เช่น เขื่อน อ่างเก็บน้ำ ฝาย ทุ่งเกษตรกรรม เป็นต้น โดยแก้มลิงขนาดใหญ่จะคอยรองรับน้ำฝนจากพื้นที่บริเวณนั้น ๆ และจะกักเก็บน้ำไว้เป็นระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะระบายลงสู่ลำน้ำ
อย่างไรก็ตาม แก้มลิงขนาดใหญ่อย่างเขื่อน อ่างเก็บน้ำ ฝาย ทุ่งเกษตรกรรม จะมีวัตถุประสงค์อื่นประกอบด้วย เช่น เพื่อการชลประทานหรือเพื่อการประมง เป็นต้น
2. แก้มลิงขนาดกลาง
เป็นพื้นที่ชะลอน้ำที่มีขนาดเล็กกว่า ก่อสร้างในระดับลุ่มน้ำ มักเป็นพื้นที่ธรรมชาติ เช่น หนอง บึง คลอง เป็นต้น
3. แก้มลิงขนาดเล็ก
แก้มลิงขนาดเล็กมักเป็นพื้นที่สาธารณะ เช่น สนามเด็กเล่น ลานจอดรถ หรือสนามในบ้าน ซึ่งต่อเข้ากับระบบระบายน้ำหรือคลอง ทั้งนี้แก้มลิงที่อยู่ในพื้นที่เอกชนจะเรียกว่า "แก้มลิงเอกชน" ส่วนที่อยู่ในพื้นที่ของราชการและรัฐวิสาหกิจจะเรียกว่า "แก้มลิงสาธารณะ"
ภาพจาก มูลนิธิมั่นพัฒนา
ประโยชน์ของโครงการแก้มลิง
แก้มลิง เป็นโครงการอเนกประสงค์สำคัญยิ่ง เพราะไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาอุทกภัยให้กับพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเท่านั้น แต่ยังช่วยระบายน้ำจากภาคเหนือลงสู่อ่าวไทยตามจังหวะการขึ้นลงของระดับน้ำทะเล โดยอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลกและการสูบน้ำที่เหมาะสม ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำตามคู คลองธรรมชาติในช่วงฤดูฝนอีกด้วย
นอกจากนี้โครงการแก้มลิงยังช่วยป้องกันการรุกล้ำของน้ำเค็มในช่วงฤดูแล้ง ไม่ให้น้ำเค็มจากทะเลไหลเข้าสู่แม่น้ำลำคลองและพื้นที่การเกษตร รวมทั้งแก้มลิงยังสามารถเก็บกักน้ำจืดไว้ด้านเหนือประตูระบายน้ำ ประชาชนจึงสามารถนำน้ำไปใช้ประโยชน์ในด้านการเกษตรกรรมอุตสาหกรรม และการอุปโภคบริโภคอีกด้วย
ที่สำคัญโครงการแก้มลิงยังมีส่วนสำคัญในการช่วยอนุรักษ์น้ำและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากน้ำที่ถูกกักเก็บไว้ในแก้มลิงต่าง ๆ เมื่อถูกระบายสู่คู คลอง จะไปช่วยบำบัดน้ำเน่าเสียให้เจือจางลง กระทั่งผลักดันให้น้ำเน่าเสียเดิมที่มีอยู่ ถูกระบายออกไปได้ในที่สุด
ภาพจาก มูลนิธิมั่นพัฒนา
โครงการแก้มลิง มีที่ไหนบ้าง
ปัจจุบันโครงการแก้มลิงมีทั้งแก้มลิงขนาดเล็กและแก้มลิงขนาดใหญ่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร กว่า 20 จุด โดยส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ทางฝั่งธนบุรี เพราะเป็นส่วนที่มีคลองจำนวนมาก ซึ่งการระบายน้ำในจุดนี้จะระบายออกทางแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งนี้โครงการแก้มลิงจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
1. โครงการแก้มลิงฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา
โดยส่วนนี้จะทำการรับน้ำในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา นับตั้งแต่จังหวัดสระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร มาตามคลองสายต่าง ๆ โดยใช้คลองชายทะเลที่ตั้งอยู่ริมทะเลด้านจังหวัดสมุทรปราการ ทำหน้าที่เป็นบ่อพักน้ำหรือรับน้ำ และพิจารณาหนองบึงหรือพื้นที่ว่างเปล่าตามความเหมาะสม เพื่อเป็นบ่อพักน้ำเพิ่มเติมโดยใช้คลองธรรมชาติในแนวเหนือ-ใต้ เช่น คลองพระองค์ไชยนุชิต คลองบางปลา คลองด่าน คลองบางปิ้ง คลองตำหรุ คลองชายทะเล เป็นแหล่งระบายน้ำเข้า-ออกจากบ่อพักน้ำ
2. โครงการแก้มลิงฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา
แก้มลิงฝั่งนี้จะใช้คลองมหาชัย คลองสนามชัย และแม่น้ำท่าจีน ทำหน้าที่เป็นคลองรับน้ำในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี นครปฐม และกรุงเทพมหานคร แล้วระบายลงสู่ทะเลด้านจังหวัดสมุทรสาคร
นอกจากนี้ยังมีโครงการแก้มลิง "แม่น้ำท่าจีนตอนล่าง" เพื่อช่วยระบายน้ำที่ท่วมให้เร็วขึ้น โดยใช้หลักการควบคุมน้ำในแม่น้ำท่าจีน คือ เปิดการระบายน้ำจำนวนมากลงสู่อ่าวไทย เมื่อระดับน้ำทะเลต่ำ ซึ่งโครงการนี้จะประกอบไปด้วย 3 โครงการในระบบคือ
1. โครงการแก้มลิง แม่น้ำท่าจีนตอนล่าง ประกอบด้วย
- ประตูระบายน้ำ ค.ส.ล. ปิดกั้นแม่น้ำท่าจีน
- ประตูเรือสัญจร
- ทำนบดินปิดลำน้ำเดิม
- บันไดปลา
- สถานีสูบน้ำขนาดใหญ่
2. โครงการแก้มลิง คลองมหาชัย-คลองสนามชัย ประกอบด้วยประตู้ระบายน้ำรวมทั้งคลองสาขาต่าง ๆ อันได้แก่
- ประตูระบายน้ำคลองสหกรณ์สาย 3
- ประตูระบาน้ำคลองเจ็ก
- ประตูระบายน้ำคลองโคกขาม
- ประตูระบายน้ำคลองแสมดำ
- ประตูระบายน้ำคลองแสมดำใต้
3. โครงการแก้มลิง คลองสุนัขหอน ประกอบด้วย
- ประตูปิดกั้นคลองสุนัขหอน พร้อมอาคาร
- สถานีสูบน้ำออกจากคลองสุนัขหอน
นอกจากนี้ โครงการแก้มลิงยังได้นำไปใช้ในหลาย ๆ พื้นที่ในต่างจังหวัด เพื่อกักเก็บน้ำและลดความรุนแรงของอุทกภัยด้วยเช่นกัน
โครงการแก้มลิงคลองมหาชัย-คลองสนามชัย จังหวัดสมุทรสาคร
ภาพจาก กรมชลประทาน
ทุ่งทะเลหลวง โครงการแก้มลิงในจังหวัดสุโขทัย
ภาพจาก โครงการชลประทานสุโขทัย
โครงการแก้มลิงนับเป็นอีกหนึ่งโครงการพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ที่ช่วยให้ชาวไทยรอดพ้นจากปัญหาน้ำท่วม รวมไปถึงปัญหาขาดแคลนน้ำ แสดงถึงความห่วงใยที่พระองค์ทรงมีให้แก่พสกนิกรตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ครองราชย์ และแม้วันนี้พระองค์จะเสด็จสู่สวรรคาลัย แต่พระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่จะสถิตอยู่ในใจคนไทยชั่วกาลนาน ไม่ต่างจากโครงการพระราชดำริต่าง ๆ ที่จะก่อเกิดประโยชน์แก่ลูกหลานเราสืบไป ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สำนักงาน กปร.
มูลนิธิชัยพัฒนา
ห้องสมุด มสธ.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์