เผยตัวตนของ ทาคาฮิโระ ชิราอิชิ มือฆ่าหั่น 9 ศพ จากชีวิตวัยเด็กเงียบ ๆ สู่โลกมืด

        เผยข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนของ ทาคาฮิโระ ชิราอิชิ ผู้ต้องหาคดีสุดสยองขวัญ จากชีวิตวัยเด็กที่เงียบ ๆ ไม่เป็นที่น่าสนใจ ก่อนก้าวเข้าสู่ด้านมืดของชีวิต และจบลงด้วยการเป็นฆาตกรฆ่าหั่น 9 ศพ

        จากกรณีฆาตกรรมสุดสยองขวัญ นายทาคาฮิโระ ชิราอิชิ ชาวชาวญี่ปุ่นวัย 27 ปี ก่อเหตุฆ่าหั่นศพเหยื่อจำนวน 9 ราย เป็นหญิง 8 ราย และชาย 1 ราย ก่อนจะนำชิ้นส่วนเก็บไว้ในกล่องเก็บความเย็นที่อพาร์ตเมนต์ ซึ่งภายหลังถูกจับกุม ผู้ต้องหาได้สารภาพว่า ได้กระทำการล่วงละเมิดทางเพศเหยื่อสาวทั้ง 8 ราย ก่อนที่จะลงมือสังหาร ซึ่งคดีดังกล่าวได้กลายเป็นประเด็นที่สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก
        สำหรับเรื่องนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2560 เว็บไซต์เอเชียวัน ได้เผยรายงานข้อมูลเกี่ยวกับ นายทาคาฮิโระ ชิราอิชิ ฆาตกรหนุ่มโหดรายนี้ โดยระบุว่า ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกบ้านของทาคาฮิโระ เมื่อครั้งที่เขาเป็นเด็กเล่าว่า เขาเป็นเด็กผู้ชายเงียบ ๆ ที่สามารถพูดคุยเข้าสังคมกับเพื่อนบ้านได้  ในส่วนที่โรงเรียน อดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเขา เผยกับสื่อท้องถิ่นระบุว่า แม้ว่าผลการเรียนของทาคาฮิโระจะไม่ได้เป็นที่โดดเด่นเท่าไหร่นัก แต่เขาก็เป็นเด็กที่มีความตั้งอกตั้งใจในการเรียน และไม่ได้มีลักษณะเศร้าหมองแต่อย่างใด ขณะที่เพื่อนร่วมชั้นเดียวกันกับทาคาฮิโระอีกราย เผยว่า เขาชื่นชอบการเล่นกีฬาบาสเกตบอล อีกทั้งเขายังเป็นผู้ฟังที่ดีมากกว่าชอบพูดเรื่องของตัวเอง

        ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งซึ่งอ้างตัวว่าเคยเป็นเพื่อนสมัยเรียนของทาคาฮิโระ กล่าวว่า เขาเป็นคนธรรมดา ไม่น่าสะดุดตา และประวัติไม่น่าสนใจ ซึ่งเพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่แทบจะจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ หลังจากมีข่าวดังกล่าวออกมา 

        อย่างไรก็ดี เริ่มมีสัญญาณพฤติกรรมอันตรายของทาคาฮิโระเผยออกมา โดยเพื่อนสมัยชั้นประถมศึกษา เล่าว่า พวกเขาเคยเล่นเกม Choking ด้วยกัน ซึ่งเป็นเกมพิเรนทร์ ที่ตัดออกซิเจนออกจากระบบของร่างกาย และรีบตื่นฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว อันจะส่งผลให้ออกซิเจนส่งไปเลี้ยงสมองไม่ทัน และเกิดอาการหมดสติเฉียบพลัน ซึ่งตรงกับรายงานที่เผยว่า ศพของเหยื่อที่พบ 2 ศพ มีร่องรอยของการเสียชีวิตจากการถูกปิดกั้นการหายใจ ซึ่งสัมพันธ์กับรูปแบบของเกม Choking ดังกล่าว

        ภายหลังจากทาคาฮิโระเรียนจบชั้นมัธยมปลาย ในปี 2552 เข้าได้เข้าทำงานประจำที่ซูเปอร์มาร์เกตแห่งหนึ่ง หลังจากนั้น 2 ปี เขาก็ได้ลาออกและเริ่มเข้าสู่ด้านมืด ไปทำงานให้กับสถานขายบริการทางเพศในย่านคะบุกิโช แหล่งบันเทิงกลางคืนในเขตชินจูกุ กรุงโตเกียว ซึ่งได้ชื่อเรื่องการค้าประเวณี โดยมีหน้าที่ล่อลวงหาหญิงสาวไปทำงานที่คลับในย่านดังกล่าว กระทั่งในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทาคาฮิโระ ถูกจับกุมและถูกส่งตัวเข้าห้องขังในข้อหาล่อลวงหญิงสาวมาบังคับค้าประเวณี


        อย่างไรก็ดี ภาพลักษณ์ของทาคาฮิโระที่เพื่อนร่วมงานเห็น ดูไม่ได้เป็นคนเช่นนั้นเลย โดยรายหนึ่งได้เผยภาพของทาคาฮิโระที่มีความสัมพันธ์แนบชิดกับพ่อแม่และน้องสาวของเขา ขณะที่หญิงอีกราย ซึ่งอ้างว่าเคยคบหากับทาคาฮิโระ ในช่วงฤดูร้อน 2559 ได้ออกมาเผยกับสื่อถึงตัวเขาว่า เป็นผู้ชายที่สุภาพ และไม่เคยโกรธหรือโมโหผู้หญิง เมื่อตอนที่เธอบอกเลิกและขอแยกทางกับเขา เขาก็สวมกอดเธอและบอกด้วยถ้อยคำที่เรียบง่ายว่า "อย่าไปเลยนะ"

        เวลาผ่านเรื่อยมาจนกระทั่ง เดือนมิถุนายน 2560 สถานการณ์ชีวิตของทาคาฮิโระ เริ่มลงสู่จุดต่ำสุด เมื่อเขาได้พูดกับผู้เป็นพ่อของเขาว่า "ผมไม่รู้ว่าผมมีชีวิตอยู่ไปทำไม" จนต่อมาในวันที่ 22 สิงหาคม ทาคาฮิโระได้ตัดสินใจย้ายไปเช่าห้องอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ในเขตซามะ ชานเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโตเกียว ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นสถานที่ก่อเหตุฆาตกรรมสยองขวัญ

        ทาคาฮิโระ สร้างบัญชีทวิตเตอร์หลายบัญชี และโฆษณาตัวเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแขวนคอ จากนั้นได้มีการติดต่อกับหญิงสาวที่มีความต้องการอยากจะฆ่าตัวตาย จากนั้นก็มีการนัดพบกัน โดยรายงานเผยว่า เขาได้จัดการปลิดชีพเหยื่อทันทีที่ได้พบกัน จากนั้นก็ได้จัดการกับร่างของศพเพื่อปกปิดหลักฐาน

        ทั้งนี้ จากรายงานของเจแปนไทมส์ ได้เผยว่า ทาคาฮิโระ ได้สารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ศพของเหยื่อรายแรกเขาต้องใช้เวลาจัดการถึง 3 วันด้วยกัน แต่หลังจากศพที่ 2 เป็นต้นมา เขาก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายภายในเวลาแค่ 1 วัน ด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้แก่กรรไกร มีด เลื่อย และอุปกรณ์งานไม้จำนวนมาก ซึ่งถูกพบภายในห้องพักของเขาทั้งหมด