อดีตประธานเฟซบุ๊กเผย เฟซบุ๊กส่งผลกระทบ-ทำร้ายสมอง อย่างคาดไม่ถึง

                ฌอน ปาร์กเกอร์ อดีตประธานเฟซบุ๊ก เผย ผู้สร้างรู้จุดอ่อนในเชิงจิตวิทยาและหาวิธีทำให้คนติดงอมแงม ซึ่งมันทำให้เฟซบุ๊กส่งผลกระทบต่อชีวิตและทำร้ายสมองผู้ใช้ มากกว่าที่ทุกคนจะนึกถึง

                เมื่อเอ่ยถึงบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง เฟซบุ๊ก (Facebook) หลาย ๆ คงต้องนึกถึง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง แต่จริง ๆ แล้วยังมีอีกคนหนึ่งที่มีความสำคัญในการสร้างเฟซบุ๊กไม่ต่างจากมาร์ก นั่นก็คือ ฌอน ปาร์กเกอร์ (Sean Parker) โดยเขาได้ร่วมมือกับมาร์กตั้งแต่ช่วงแรก ๆ และยังเป็นประธานคนแรกของเฟซบุ๊กอีกด้วย ปัจจุบันฌอนลาออกจากเฟซบุ๊กแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้หนีหายไปจากวงการ และเมื่อไม่นานมานี้ เขาได้ไปร่วมงานอีเวนต์ของ Axios ซึ่งจัดขึ้นที่ ศูนย์รัฐธรรมนูญแห่งชาติ (National Constitution Center) ในเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐฯ โดยเขาได้พูดคุยถึงการสร้างนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อรับมือกับโรคมะเร็ง ซึ่งเขากล่าวว่า จริง ๆ แล้ว ตัวเขาเองนั้นคือคนที่ "ต่อต้าน" โซเชียลมีเดีย และเฟซบุ๊กนั้นได้ส่งผลกระทบและทำร้ายสมองของผู้ใช้งาน มากกว่าที่ทุกคนคาดคิด

                โดยจากการรายงานของเว็บไซต์ Axios เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2560 ระบุว่า ฌอน ปาร์กเกอร์ ได้ก่อตั้งสถาบันการบำบัดมะเร็งปาร์กเกอร์ (Parker Institute for Cancer Immunotherapy) ซึ่งปัจจุบันเขาก็ดำรงตำแหน่งประธานอยู่ด้วย เขาได้พูดคุยถึงอิทธิพลของเฟซบุ๊ก และวิธีการที่มันสร้างผลกระทบต่อผู้คนให้ติดอยู่ในวังวนของมัน

                "ตอนที่เฟซบุ๊กกำลังเป็นรูปเป็นร่างขึ้น ผู้คนมากมายบอกกับผมว่า 'ฉันไม่เล่นโซเชียมีเดียหรอก' ซึ่งผมก็จะบอกไปว่า 'เหรอ คอยดูนะ เดี๋ยวก็เล่นเองแหละ' ซึ่งพวกเขาก็จะรีบตอบเลยว่า 'ไม่ ๆ ไม่มีทาง ฉันให้ความสำคัญกับการมีปฏิสัมพันธ์ในชีวิตจริง ฉันแคร์การมีตัวตน การได้ใช้เวลาของฉัน และความสนิทสนมแบบจริง ๆ ' ซึ่งผมก็ตอบพวกเขาไปว่า คอยดูนะ เดี๋ยวรู้เรื่องเลย เราจับคุณได้อยู่หมัดแน่ ๆ' เพราะตอนที่เรากำลังสร้างเฟซบุ๊ก สิ่งเดียวที่เป็นหัวใจหลักของมันก็คือ เราจะดึงดูดความสนใจของผู้คนได้อย่างไร มีวิธีไหนที่จะทำให้คนเอาเวลาทั้งหมดที่มีมาสนใจที่เราอย่างเดียว " ฌอนกล่าว

                โดยเรื่องนี้เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าในตอนที่พูดเรื่องข้างต้นออกไป เขาเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังพูดมากแค่ไหน กระทั่งเขาได้เห็นในสิ่งที่ไม่คาดคิดเมื่อเครือข่ายดังกล่าวเติบโตจนมีผู้ใช้ทะลุ 1-2 พันล้านคน มันเข้ามาเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างคนและสังคม ซึ่งมีเพียงพระเจ้าที่รู้ว่ามันกำลังทำอะไรกับสมองของเด็ก ๆ การที่ผู้ใช้สามารถกดไลก์หรือคอมเมนต์บนภาพและโพสต์ต่าง ๆ ได้ ก็ยิ่งทำให้พวกเขามีส่วนร่วมในเนื้อหานั้น ๆ มากขึ้น ทำให้เรายิ่งไลก์และแสดงความคิดเห็นมากขึ้น

                ฌอนกล่าว วิธีดังกล่าวก็คือการสำรวจสังคมอย่างหนึ่ง (Social Validation) ซึ่งเป็นสิ่งที่แฮกเกอร์แบบเขามักจะทำ เพราะจิตและความคิดของมนุษย์นั้นมีจุดอ่อน ซึ่งบรรดาคนแบบเดียวกับเขา ไม่ว่าจะเป็น มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก หรือ เควิน ซิสตอร์ม (Kevin Systrom) ผู้ก่อตั้งอินสตาแกรม ล้วนรู้ข้อนี้ดี และทะลวงจุดอ่อนนี้ด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งมันก็คือเหตุผลที่ทำให้โซเชียลมีเดียเหล่านี้กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนเสพติดและให้ความสนใจกับมันแทบจะตลอดเวลา

                แน่นอนว่าประเด็นที่ฌอนพูดถึงมันคือเรื่องจริงที่น่ากังวล และเป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสังคม แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้ทิ้งท้ายในเชิงตลก ๆ กึ่งๆ ประชดประชันว่า ถ้า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก รับรู้ว่าเขาพูดอะไรออกไป เขาคงจะโดนบล็อกในทุกช่องทางอย่างแน่นอน