เปิดใจคุณพ่ออ้วน 100 กก. คิดได้หลังภรรยาจากไป เปลี่ยนตัวเองครั้งใหญ่...เพื่อลูก

         คุณพ่อเผยวิธีลดน้ำหนัก หลังเคยหนักทะลุ 100 กก. โรครุมเร้า สุดเจ็บปวดสูญเสียภรรยาหันมาเปลี่ยนตัวเอง หวังทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่

         เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 คุณ FITDADFATGIRL สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้ตั้งกระทู้ชื่อ ภรรยากับน้ำหนักที่หายไป 1 ปี กับ 30 กิโลกรัม ... โดยเจ้าของกระทู้เล่าว่า ตนเองนั้นมีความสุขกับการกินมาก มีบุฟเฟ่ต์ห้างไหน จะมีตนเองและภรรยาที่นั่น โดยเจ้าของกระทู้คิดเสมอว่า ความสุขของคนเรามันมีไม่กี่อย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ "เรื่องกิน" และช่วงกลางปี 2559 เขามีน้ำหนักทะลุ 100 กิโลกรัม จนลูกสาวให้ฉายาว่า "ปะป๊าอ้วน" แม้ว่าเวลาไปตรวจสุขภาพผลตรวจจะแจ้งว่า เป็นไขมันพอกตับ หรือเป็นหมอนรองกระดูกเริ่มเสื่อม ตนก็ยังคิดว่าไม่เป็นไรเพราะก็ยังมีความสุขดี...ยังไม่ตายสักหน่อย
        แต่แล้ววันหนึ่ง ภรรยาที่เป็นผู้หญิงที่ไม่ทานเหล้า ไม่สูบบุหรี่ มีอาชีพแม่บ้านเลี้ยงลูก ไม่อ้วน น้ำหนักตามเกณฑ์ ไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใดกลับตรวจพบ "มะเร็งปอด" และจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ซึ่งคนทั่ว ๆ ไปสงสัยว่าทำไมถึงเป็น หมอยังไม่รู้ ก็ได้แต่ถามตัวเองอยู่หลายครั้ง แต่ตนไม่เคยได้คำตอบที่พอใจ จนวันที่เลิกตั้งคำถามจึงพบคำตอบที่แท้จริง "สิ่งใดในโลกล้วนอนิจจัง" ซึ่งในตอนนั้นเขาเก็บตัว ซึมเศร้า และไม่อยากมีชีวิตอยู่

        แต่สุดท้ายเจ้าของกระทู้หันกลับมาสู้ใหม่ พร้อมกับคิดอยู่อย่างเดียวว่า "อยากอยู่กับลูกนาน ๆ" จากวันนั้น เจ้าของกระทู้จึงเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง หันมาดูแลตัวเอง ออกกำลังกายจนฟิตแอนด์เฟิร์มได้ภายในระยะเวลาไม่นาน และตั้งปณิธานว่าจะไม่เอาตัวไปเสี่ยงกับโรคคนอ้วน ซึ่งในตอนนี้ความสุขที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องกิน แต่คือการอยากเห็นลูกโตและอยู่รอด...

        และล่าสุด เดลินิวส์ออนไลน์ ได้ติดต่อสอบถามไปยัง นายอัยยะ ไอยะรา อายุ 37 ปี คุณพ่อผู้ตั้งกระทู้ดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวก็เปิดเผยว่า ตนมีภรรยาอายุ 31 ปี และ น้องไอจัง ลูกสาวน่ารักวัย 4 ขวบ ในอดีตตนเป็นพ่อที่อ้วนชอบกินเป็นชีวิตจิตใจ ถ้าวันไหนกินไม่อิ่มถือว่าใช้ชีวิตไม่คุ้ม หรือเพียงแค่ได้ยินชื่อเมนูดูดี เคยขับรถจากบ้าน 200 กม. เพื่อไปลิ้มลอง จนน้ำหนักทะลุ 100 กิโลกรัม ก็ยังคิดว่าไม่ได้มีปัญหากับความอ้วน กระทั่งกลางปี 2559 ภรรยากลับพบมะเร็งปอด ทั้งที่ไม่ทานเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ในที่สุดก็จากไปหลังจากที่ตรวจพบได้ 4 เดือน

        ตนรักภรรยามาก ไม่เคยคิดว่าต้องมาเจอแบบนี้ แม้แต่งงานมานานก็ยังโทร. หากันทุกวัน อยากได้ยินเสียงของภรรยาและลูก และคำถามที่ว่าใครจะตายก่อนกันนั้นก้ยังคิดว่าต้องเป็นตนเพราะมีแต่โรค แถมอ้วน ตนซึมเศร้าไม่อยากมีชีวิตอยู่เพราะไม่รู้ว่าจะไปคุยเรื่องหนัก ๆ กับใคร เด็ก 4 ขวบคงไม่ใช่ ตอนนั้นร่างกายจิตใจทรุดโทรม แต่ในที่สุดก็หันมาเริ่มยกเวท เพราะอยากมีแรง แรก ๆ ล้าไปทั้งแขน วันไหนเลิกงานดึก ก็วิ่งทั้งดึก ๆ และจะนอนเร็วเพื่อตื่น 04.00 น. ออกมาวิ่ง


        นายอัยยะ บอกอีกว่า ตนเริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจังเดือนกุมภาพันธ์-ตุลาคม ตอนนี้น้ำหนัก 77 กิโลกรัม เลิกท้อแท้เพราะมีเป้าหมายกับลูกเป็นกำลังใจ แม้วันนี้ภรรยาจะไม่ได้อยู่ข้างกันอีกแล้วก็ตาม ซึ่งผลที่ได้จากการออกกำลังกายคือระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ทั้งนี้ ตนไม่ได้ต้องการหุ่นนายแบบหรือซิกแพค ตนแค่ไม่อยากเป็นโรค อยากดูแลลูกไปนาน ๆ ตามคำสั่งเสียของภรรยา

ทั้งนี้ สิ่งที่ทำมาทั้งหมดอาจไม่การันตีว่าจะอยู่ได้จนแก่ ที่ตั้งกระทู้ขึ้นมาเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนหันมารักสุขภาพ ตนไม่เคยลืมอดีตแต่เลือกที่จะไม่จมไปกับมัน นายอัยยะ กล่าวทิ้งท้าย

ภาพและข้อมูลจาก
คุณ FITDADFATGIRL สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม,