บุกตรวจศูนย์ตอกเส้นพระมหาสีไพร พบไม่มีใบอนุญาต สั่งปิดบริการทันที พร้อมคุมตัว 5 พนักงานไปสอบสวน ด้านพระมหาสีไพร ยันเป็นการรักษาทางเลือก ท้าหากผิดจริงพร้อมสึก จากกรณีโลกโซเชียลได้มีการแชร์เรื่องราวเกี่ยวกับ พระอาจารย์มหาสีไพร อาภาธโร ได้รักษาโรคให้แก่ผู้ป่วยหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทมานาน 7 ปี ด้วยวิธีนวดตอกเส้น ผลปรากฏว่าอาการดีขึ้นทันตาเห็น ทำให้โลกออนไลน์ต่างตั้งข้อสังเกตว่าวิธีการนี้สามารถรักษาโรคได้จริงหรือไม่ และจะยิ่งเป็นอันตรายมากกว่าเดิมหรือไม่นั้น
ล่าสุด (21 พฤศจิกายน 2560) เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข
และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง รวมถึงกำลังตำรวจ สภ.ปากเกร็ด
บุกเข้าตรวจสอบศูนย์ตอกเส้นสีไพร สาขาปากเกร็ด พื้นที่หมู่ 5
ซอยสุขาประชาสรรค์ 48 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
พบลูกค้าผู้สูงอายุเป็นจำนวนมาก มีอาการปวดเส้น ปวดกระดูก มาต่อคิวรอรักษา
เสียค่าใช้จ่ายคนละ 300 บาท โดยเจ้าหน้าที่ได้สั่งให้หยุดบริการทันที
พร้อมกับเข้าตรวจสอบพบว่าไม่มีใบอนุญาต จึงเชิญตัวพนักงานจำนวน 5 คน
ไปสอบสวนที่โรงพัก ส่วน พระมหาสีไพร อาภาธโร
ในขณะนั้นไม่ได้อยู่ที่ศูนย์ดังกล่าว โดย นายชาตรี พินใย
นิติกรชำนาญการพิเศษ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า
การกระทำแบบนี้ถือว่าผิด พ.ร.บ.การแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2556 มีโทษจำคุก 3 ปี
ปรับ 60,000 บาท ขณะนี้ได้สั่งให้หยุดดำเนินการ
และเชิญตัวผู้เกี่ยวข้องไปให้ปากคำที่ สภ.ปากเกร็ด
ส่วนวิธีการตอกเส้นแบบนี้เรียกว่าเป็นศาสตร์การแพทย์พื้นบ้าน
ซึ่งต้องหารือต่อไปว่าการกระทำแบบนี้กับร่างกายมนุษย์
เข้าข่ายรักษาด้วยการแพทย์แผนไทยหรือไม่
ซึ่งการตอกเส้นแบบนี้ต้องไปขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง
ด้าน พระมหาสีไพร
อาภาธโร ภายหลังได้เดินทางเข้าเยี่ยมศิษยานุศิษย์ที่ถูกจับกุม
พร้อมกล่าวว่า เตรียมใจไว้ก่อนตั้งแต่วันแรกที่ให้ข่าวไปแล้ว
ว่าขาข้างหนึ่งอยู่ในคุก อีกข้างอยู่บนความทุกข์ยากของประขาชนที่เจ็บป่วย
อีกทั้งยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ติดต่อยื่นเรื่องต่อสภาแพทย์แผนไทย สบส.
เพื่อขอการรับรองให้ถูกกฎหมายมาโดยตลอด ซึ่งหากสอบสวนว่าตนมีความผิด
ก็จะขอลาสิกขาจากการเป็นพระภาพและข้อมูลจาก
เรื่องเล่าเช้านี้ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก