x close

นิติวิทยาศาสตร์ คาดสรุปผลการผ่าพิสูจน์ศพ น้องเมย ได้ไม่เกินสิ้นเดือน

นิติวิทยาศาสตร์ แถลงผ่าศพ น้องเมย

นิติวิทยาศาสตร์ แถลงผ่าศพ น้องเมย

              สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แถลงปมผ่าศพ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหาร เผยการนำอวัยวะออกไปโดยไม่แจ้งญาติ สามารถทำได้หากเป็นเคสคดีความ และเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี คาดหลังได้รับอวัยวะส่วนที่เหลือ จะสามารถทำรายงานสรุปได้ไม่เกินสิ้นเดือน

              เป็นประเด็นใหญ่ที่สังคมยังเฝ้าจับตา สำหรับกรณีของ น้องเมย ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่ถูกทำโทษ ก่อนจะเสียชีวิตปริศนา อีกทั้งเมื่อผ่าศพพิสูจน์กลับพบว่าอวัยวะภายในหลายส่วนหายไป โดยพบกระดาษชำระอยู่ในสมองแทน ซึ่งต่อมาทางกองทัพได้ชี้แจงว่าสาเหตุการเสียชีวิตนั้นเกิดจากหัวใจล้มเหลว ส่วนสมองและหัวใจที่หายไป ทางทีมแพทย์ได้นำไปแช่ฟอร์มาลินเพื่อรอการตรวจ

              ล่าสุด (22 พฤศจิกายน 2560) พ.ท. นรุฏฐ์ ทองสอน นายแพทย์กองพยาธิ ศูนย์อำนวยการพระมงกุฎเกล้า แพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพนายภคพงศ์ เผยว่า สมอง หัวใจ และกระเพาะอาหารของนายภคพงศ์ได้ถูกแช่ฟอร์มาลินเพื่อตรวจสอบ ซึ่งได้ส่งรายงานชันสูตรให้พนักงานสอบสวนแล้วเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน โดยขณะนี้ญาติของนายภคพงศ์ได้ติดต่อขอรับอวัยวะคืนแล้ว

นิติวิทยาศาสตร์ แถลงผ่าศพ น้องเมย

              ทั้งนี้หลังรับศพมาเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ไม่พบบาดแผลถูกทำร้ายภายนอก แต่ภายในพบกระดูกซี่โครงหัก มีรอยช้ำ ซึ่งคาดว่าเกิดจากการถูกของแข็งกระแทก ส่วนกระเพาะอาหารต้องการเก็บไว้ตรวจหาสารผิดปกติ สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตนั้นคือหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน จากการส่องกล้องจุลทรรศน์พบว่ามีเซลล์บางตัวทำงานผิดปกติ ประกอบกับการเต้นของหัวใจผิดปกติ จึงเป็นสาเหตุให้หัวใจวายเฉียบพลัน
              ขณะที่ พล.ต. กนกพงศ์ จันทร์นวล ผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร เผยว่า ได้มีการแจ้งต่อบิดาและมารดาของผู้ตายแล้วว่าต้องส่งศพไปชันสูตร ส่วนกรณีที่ทางครอบครัวนำศพไปชันสูตรอีกรอบนั้น ตนไม่ทราบ ยืนยันว่าตนไปร่วมงานศพทุกคืนจนถึงวันเผา โดยมีเพื่อนนักเรียนและอาจารย์ไปด้วย เรื่องนำศพไปชันสูตรอีกครั้งก็เพิ่งทราบภายหลัง

              ส่วนที่ทางครอบครัวติดใจเรื่องการทำโทษนั้น ยืนยันว่าการลงโทษเป็นไปตามขั้นตอนทางทหาร คือห้ามแตะเนื้อต้องตัวกัน โดยในวันที่ 17 ตุลาคม นายภคพงศ์เกิดหายใจผิดปกติขณะวิ่งในช่วงเช้า จึงนำตัวมาที่ห้องกองแพทย์ ต่อมานายภคพงศ์ได้โทรศัพท์หาทางบ้านในเวลา 15.00 น. ก่อนเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันตอนเวลา 16.00 น.

              ทางด้านผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้นำทีมแพทย์ร่วมชี้แจงถึงการผ่าชันสูตรพลิกศพนายภคพงศ์ โดยระบุว่า หลังจากได้รับเรื่องจากพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ว่าญาติได้มีการขอให้ผ่าพิสูจน์ศพครั้งที่ 2 ก็ได้มีการจัดตั้งกรรมการเป็นทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 3 คนเพื่อทำการผ่า โดยเริ่มลงมือผ่าศพในวันที่ 1 พฤศจิกายน ปรากฏว่ามีอวัยวะบางส่วนของผู้ตายหายไป คือสมองกับหัวใจ ซึ่งเป็นอวัยวะส่วนสำคัญที่จะใช้ในการระบุสาเหตุการตาย จึงได้ประสานกลับไปทางศูนย์ในวันที่ 3 พฤศจิกายน เพื่อขอให้นำอวัยวะส่วนที่เหลือมาให้ทางนี้ เพื่อที่เราจะได้ทำรายงานให้ถูกต้อง

นิติวิทยาศาสตร์ แถลงผ่าศพ น้องเมย

              ทั้งนี้สำหรับสาเหตุการตายและรายละเอียดต่าง ๆ นั้น ทีมแพทย์ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถสรุปได้ เนื่องจากขาดอวัยวะสำคัญ 2 ส่วน คือ สมองกับหัวใจ ส่วนกระเพาะอาหารก็ได้รับรายงานว่าหายไปด้วย ซึ่งคาดว่าหลังจากได้รับอวัยวะมาในวันที่ 23 พฤศจิกายน ทีมแพทย์ก็จะสามารถดำเนินการตรวจสอบและสรุปรายงานได้ภายใน 7 วัน ตามมาตรฐาน หรืออาจจะไม่เกินสิ้นเดือนนี้

              สำหรับหลักการในการนำอวัยวะออกจากศพบางส่วนหรือทั้งชิ้น เพื่อไปตรวจสอบนั้น จะแบ่งเป็นกรณีการเสียชีวิตโดยธรรมชาติ หรือป่วยตายที่โรงพยาบาล แพทย์อาจเกิดความแคลงใจว่าสาเหตุการตายไม่ตรงตามโรคที่วินิจฉัย ก็จะส่งให้ผ่าพิสูจน์ศพได้ โดยต้องขออนุญาตจากญาติเป็นลายลักษณ์อักษร แล้วหากผู้ผ่าสงสัยว่ามีอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการตาย อาจจะขออนุญาตจากญาติเพื่อนำอวัยวะมาตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด ตามเทคนิคการตรวจต่าง ๆ

              สำหรับการตายแบบผิดธรรมชาติ เช่น ฆ่าตัวตาย ถูกคนฆ่า อุบัติเหตุ หรือไม่ปรากฏเหตุ ทางพนักงานสอบสวนจะเป็นผู้ส่งศพมา ซึ่งหากเป็นกรณีที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นผู้ดำเนินการผ่า ก็จะผ่าพิสูจน์และเก็บเอาชิ้นเนื้อบางส่วนของอวัยวะนั้น ๆ มาตรวจสอบ เว้นแต่เป็นเคสที่น่าสนใจจริง ๆ จึงจะขอเก็บอวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใดออกมาจากศพ เช่น คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนในอนาคต โดยจะขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร

              สำหรับข้อสงสัยว่า กรณีที่เกิดขึ้นกับนักเรียนเตรียมทหาร มีความจำเป็นแค่ไหนที่ต้องนำอวัยวะทั้ง 3 ส่วนออกไปทั้งชิ้น ในส่วนนี้เป็นในเรื่องของแนวทางปฏิบัติของแต่ละคนที่ต่างกันออกไป ขึ้นกับการวินิจฉัยหน้างานว่ามีอวัยวะส่วนใดน่าสนใจเป็นพิเศษไหม ที่หากแค่ตัดชิ้นเนื้อก็อาจไม่สามารถพิสูจน์ได้ ก็จะต้องขอนำออกไป

              ทั้งนี้ในส่วนของการผ่าพิสูจน์ผู้เสียชีวิตที่เป็นตามคดีความ เราจะยึดประโยชน์ต่อรูปคดี และต่อญาติเป็นส่วนสำคัญสูงสุด การเก็บอวัยวะไว้เพื่อประโยชน์ทางคดี เพื่ออำนวยความเป็นธรรมสูงสุด สามารถกระทำได้โดยไม่ต้องบอกญาติ และจากการพูดคุยกับแพทย์หลายท่านก็พบว่าไม่เป็นเรื่องที่ผิดจรรยาบรรณแพทย์แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามหากสงสัยในเรื่องจรรยาบรรณสามารถสอบถามไปยังหน่วยงานที่ควบคุมดูแลได้ "หมอชันสูตรทำได้เพื่อจะหาสาเหตุ เคสนี้เคสสำคัญ มาตรฐานในต่างประเทศก็ทำแบบนี้ ไม่ผิดจรรยาบรรณ"

นิติวิทยาศาสตร์ แถลงผ่าศพ น้องเมย

              ในส่วนของอวัยวะที่ต้องรอทางโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ส่งมานั้น แม้อวัยวะจะถูกนำออกจากศพไปร่วมเดือนแล้ว แต่เนื่องจากชิ้นเนื้อถูกแช่ฟอร์มาลินไว้ ทำให้ยังมีพยาธิสภาพเหมือนเดิมทุกประการ แม้จะถูกนำมาตรวจซ้ำก็ตาม

              สำหรับกระบวนการยืนยันว่า อวัยวะที่ส่งมาเป็นของศพที่กำลังผ่าพิสูจน์หรือไม่ ในทางปฏิบัติแล้วเจ้าของคดีคือพนักงานสอบสวน จะเป็นคนกลางในการยืนยัน เนื่องจากทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ไม่ได้เป็นผู้ไปรับอวัยวะเอง อย่างไรก็ตามหากแพทย์ผู้ผ่าสงสัย ก็สามารถตรวจดีเอ็นเอได้

              ทั้งนี้ในส่วนของการนำอวัยวะออกจากศพผู้ตายทางคดีโดยไม่แจ้งญาตินั้น ในขณะนี้ยังไม่มีแนวทางมาตรฐานของไทยว่าแพทย์ต้องอนุญาตญาติก่อนนำมาตรวจหรือไม่ เนื่องจากเป็นเคสคดี ซึ่งมีความสำคัญแรกอยู่ที่การหาคำตอบชัดเจนที่สุดแก่พนักงานสอบสวน แต่จากนี้คงต้องพิจารณาเรื่องการสื่อสารระหว่างแพทย์และญาติผู้ตายให้มากขึ้น ว่าญาติมีสิทธิ์สอบถามเรื่องนี้หรือไม่ และแพทย์ก็ควรต้องตอบคำถามญาติ ว่าได้มีการนำอวัยวะบางชิ้นหรือทั้งชิ้นส่วนออกไปไหม

              ทั้งนี้ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ย้ำว่า จะสรุปรายงานได้ก็ต่อเมื่อได้รับอวัยวะมาครบแล้ว แต่เข้าใจว่าแพทย์ชุดแรกที่ทำการผ่าศพน่าจะนำอวัยวะออกไปด้วยเจตนาที่ดี อาจจะอยากเก็บไว้เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นเคสคดี ที่ญาติยังคลางแคลงใจถึงสาเหตุการตาย แต่น่าจะขาดการสื่อสารที่ดีระหว่างแพทย์และญาติ ทำให้ไม่ได้มีการแจ้งญาติ เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้มาพบกันโดยตรง ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นแนวปฏิบัติของแต่ละหน่วยงานที่ต่างกันไป และทางหน่วยงานต่าง ๆ ก็ยังไม่เคยคุยเรื่องแนวทางปฏิบัติให้ตรงกัน

              สำหรับร่องรอยซี่โครงหักที่พบนั้น ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าเกิดจากอะไร แต่หากถามว่าเกิดจากทำซีพีอาร์ได้หรือไม่นั้น มันก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถระบุชัดในเคสนี้ ต้องรอรายงานสรุปจากทีมแพทย์ผู้ผ่าศพอีกครั้ง




ภาพจาก เฟซบุ๊ก Meay P Tanyakan, brighttv
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เฟซบุ๊ก สำนักข่าวไทย, voicetv


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
นิติวิทยาศาสตร์ คาดสรุปผลการผ่าพิสูจน์ศพ น้องเมย ได้ไม่เกินสิ้นเดือน อัปเดตล่าสุด 23 พฤศจิกายน 2560 เวลา 12:10:25 6,783 อ่าน
TOP