กรมขนส่งฯ จ่อเพิ่ม 5 โรคร้ายแรง ห้ามขับรถ อาทิ ลมชัก หัวใจ หลังหนุ่มวัย 44 ปี ป่วยลมชักซิ่งกระบะกวาดเรียบกลางสี่แยกที่พัทยา
จากเหตุการณ์สลดที่ นายอัครเดช อุดมรัตน์ อายุ 44 ปี ขับรถชนชาวบ้านที่สี่แยกไฟแดงพัทยาใต้ จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 15 ราย และเสียชีวิต 2 ราย ซึ่งต่อมาจากการตรวจสอบประวัติพบเคยเข้ารับการรักษาอาการโรคลมชัก จนถูกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ต่อมาว่า ป่วยเป็นโรคลมชักสามารถขับรถได้อย่างไร และทางกรมขนส่งออกใบขับขี่ให้ได้อย่างไร ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : สลด ชายป่วยลมชัก ขับกระบะกวาด จยย. กลางพัทยาใต้ ดับสลด 2 ศพ เจ็บเพียบ)
ล่าสุด (5 ธันวาคม 2560) มีรายงานว่า นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า จากการตรวจสอบพบว่า นายอัครเดช ผู้ก่อเหตุ มีใบอนุญาตขับรถแบบตลอดชีพ ซึ่งเบื้องต้นต้องรอผลการตรวจสอบจากแพทย์ก่อน ว่าเป็นโรคลมชักจริงหรือไม่ หากจริง ก็จะดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ทันที เพราะถือเป็นบุคคลที่มีสภาพร่างกายไม่พร้อมในการขับขี่
นายสนิท กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้กรมขนส่งอยู่ระหว่างดำเนินการในการแก้ไขกฎกระทรวงเพื่อกำหนดเงื่อนไขการขอใบอนุญาตขับขี่ โดยให้เพิ่มกลุ่มโรคที่เสี่ยงจะเกิดอันตรายในการขับขี่ จากเดิมที่มีโรคเท้าช้าง วัณโรค เรื้อน พิษสุราเรื้อรัง และติดยาเสพติดให้โทษ ซึ่งเป็นการหารือร่วมกันระหว่างกรมการขนส่งทางบกกับแพทยสภา และคาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 เดือน หรือช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2561 จึงจะสามารถบังคับใช้ได้ ซึ่งเบื้องต้นได้ข้อสรุปใน 5 โรค ดังนี้ ...
2. โรคเบาหวานร้ายแรง
3. ความดันโลหิตสูง
4. ผู้ที่เคยผ่าตัดสมองมาก่อน
5. โรคหัวใจ ที่เสี่ยงจะเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด
สำหรับข้อกล่าวหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งต่อ นายอัครเดช คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีผู้ได้รับอันตรายสาหัส , ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่จิตใจแล้วหลบหนี, ขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และตั้งข้อหาเพิ่มเติม หลังตรวจพบสารเสพติดในร่างกาย ในข้อหามีสารเสพติดในร่างกายขณะขับรถ มีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท