x close

ครูปรีชา เดือด เปิดศึก อดีต ตร. ชิงหวย 30 ล้าน ลั่น ไม่ขอจบเรื่อง เหตุให้โอกาสแล้ว


          ปะทะวุ่นกลางรายการโหนกระแส ครูปรีชา เดือด เปิดศึก อดีตตำรวจ ชิงหวย 30 ล้าน ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร ด้านจรูญ ยัน หากแพ้คดีก็ไม่ขอโทษ มั่นใจตัวเองซื้อ ส่วนครูไม่ยอมจบ หลังเรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว

          จากกรณีที่วานนี้ รายการโหนกระแส ได้นำเสนอข่าวกรณีอดีตตำรวจ "คุณจำรูญ วิมล" พร้อม "คุณลาวัลย์ วิมล" ภรรยา ออกมายันว่าถูกหวย 30 ล้านจริงแต่ถูกกล่าวหาว่าขโมยลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 คาดมีการทำกันเป็นขบวนการ ซึ่งล่าสุดทางรายการได้เชิญครูคู่กรณี "คุณปรีชา ใคร่ครวญ" ครูพิเศษชำนาญการซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของลอตเตอรี่ตัวจริง พร้อม "คุณรัตนาพร สุภาทิพย์" และ คุณพัชริดา พยานซึ่งเป็นแม่ค้า มาเผชิญหน้ากันในรายการ
 
คุณครูยืนยันว่าเป็นเจ้าของ ?

          ครูปรีชา : "ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ"

อยู่ดี ๆ ไปยักยอกเขา ต้องออกจากการเป็นครูด้วยนะ ?

          ครูปรีชา : "อันนี้ก็ให้เป็นกระบวนการทางกฎหมาย"

คุณเอาวิชาชีพมาเป็นเดิมพันนะ ?

          ครูปรีชา : "ครับ"
 
คุณเป็นแม่ค้าขายลอตเตอรี่ให้อาจารย์ปรีชา ?

          รัตนาพร : "ขายลอตเตอรี่ให้คุณปรีชาค่ะ"

คุณครูไปซื้อมาวันไหน ?

          ครูปรีชา : "หลังจากลอตเตอรี่ออกวันที่ 16 ตุลาคม ผมก็สั่งลอตเตอรี่กับพี่รัตนาพร บอกว่า งวดต่อไป 1 พฤศจิกายน ผมขอเลข 26 เป็นเลขมงคล เน้นย้ำด้วยว่าถ้าได้ 726 ด้วยยิ่งดี เพราะ 7 คือเลขมงคล ก็ส่งไลน์ไปด้วย เมื่อวันที่ 20"
 
มีไลน์ให้ดูไหม ?

          รัตนาพร : "มีค่ะ อยู่ในมือถือค่ะ"
 
          พัชริดา : "วันที่ 31 ตุลาคม ก็มาตั้งแผงเพื่อจะถามว่าตัวเองมี 26 มั้ย เขาบอกว่ามี 3 ชุด มี 326 226 และ 726 ก็เลยบอกว่าให้เอามา 726 เพื่อนเราก็จ่ายให้ 550 เพื่อนคือรัตนาพร จริง ๆ อยู่ที่แผงเรา แต่ขายต่อเขาในราคา 550"

          รัตนาพร : "เราก็เอาไปขายครูปรีชา เขาสั่งก่อน แล้วเราหาไม่ได้ มาหาได้วันที่ 31 ตุลาคม จากอีกคน เป็นเลขมงคลเลขนี้ไม่สามารถหาได้ เพราะเป็นเลขดังมาก ใครก็ต้องการเลขนี้"
 
ซื้อไปกี่ชุด ?

          ครูปรีชา : "4 ชุด มีเลข 076126 533726 131885 แล้วก็ 905470"

นี่ท่องมาเหรอ ?

          ครูปรีชา : "ไม่ใช่ครับ ทุกอย่างมีที่มาของเลข เช่น 470 ทะเบียนรถภรรยา 885 คือเลขรถตัวเอง แล้วอีกสองเลขคือเลขมงคล 533 เลขทะเบียนรถเครื่อง แล้วมันไปตรงทะเบียนรถเครื่องพอดี เรื่องจริง ทำให้เราจำเลขได้"

เป็นเหตุบังเอิญ ?

          ครูปรีชา : "เป็นเหตุที่ทำให้เราจำเลขได้ และเราเชื่อว่ารถตรงกับรถเครื่องเราพอดี เผื่อถูก 3 ตัวหน้าด้วย"
 
เมื่อวานทางอีกฝั่งเขายืนยันว่าซื้อมา ?

          จรูญ : "เราซื้อมาจากตลาด ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าแม่ค้าคือใคร ไม่กล้ายืนยันว่ามีกี่แผง แต่รู้ว่ามีหลายแผงที่วางเรียง ๆ กันอยู่"


สองคนนี้ยืนยันว่าล็อตเตอรี่อยู่กับเขา แม่ค้ามีหลักฐานมั้ย ?

          รัตนาพร : "มีค่ะ เป็นภาพถ่าย ถ่ายเมื่อ 30 ต.ค."

วันที่ 31 มาขายต่อ ?

          รัตนาพร : "ใช่ค่ะ"

คุณขายให้คุณลุงจรูญหรือเปล่า ?

          รัตนาพร : "ไม่ค่ะไม่เคยเห็น ไม่ผ่านตาเลย เลขชุดเดียวเก็บไว้ให้ครูปรีชาคนเดียวเพราะเขาสั่งคนเดียว เขาสั่งประจำ"

          ป้าลาวัลย์ : "วันหนึ่ง ๆ คุณจำลูกค้าได้หรือคะ"
 
          รัตนาพร : "ถ้าเป็นเลขอื่นอะใช่ แต่นี่เป็นเลขดัง ซึ่งเป็นเลขหายากมาก เราก็จำได้"

          ครูปรีชา : "ลอตเตอรี่ก็จ่ายตังค์ไปแล้วนะ ชุดละ 600 สองชุด แล้วเลขธรรมดา 500 ก็นำลอตเตอรี่ใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ต ไม่มีเสื้อคลุม เป็นเสื้อเชิ้ตธรรมดา แล้วเดินตลาดนัด ไปซื้อกับข้าว เสร็จปุ๊บก็ไปรับลูก แล้วเข้าบ้าน พอเข้าบ้านเสร็จ ผมก็เอาลอตเตอรี่ไปไว้ในกระเป๋าส่วนตัว ซึ่งเป็นกระเป๋าบริษัท เนสท์เล่ พอเอามาใส่กระเป๋า ลอตเตอรี่ก็หายไป ตอนนั้นรางวัลยังไม่ออก ก็โทรศัพท์ไปหาคุณรัตนาพรว่าลอตเตอรี่หายไปชุดหนึ่ง สงสัยหายที่ตลาดนัดแน่เลย เลขยังไม่ออก เขาก็บอกว่าอาจารย์ดูให้ดีนะ พอถึงเวลาอีกสักพักเราก็ทำกับข้าวให้ลูกกิน เป็นพ่อบ้านประจำบ้าน ก็ลองหาต่อ หาไม่เจอ"
 
จนวันที่ 1 รางวัลออก รู้วันนั้นว่าถูก 30 ล้าน ?

          ครูปรีชา : "เพราะคุณรัตนาพรมาตะโกนเรียกหน้าบ้าน บอกว่าเขาตื่นเต้นมากเลย เพราะลอตเตอรี่ที่หนูให้อาจารย์ถูกรางวัลที่ 1"

          รัตนาพร : "เราไปบอกเขาว่าอาจารย์ให้เอามาดูเร็ว ๆ มันถูกรางวัลที่ 1"

          ครูปรีชา : "แต่ผมก็บอกว่าเดี๋ยวผมค้นหาก่อน เพราะเมื่อวานค้นแล้วมันไม่มี ก็บอกว่าพี่ไม่มี ไม่รู้อยู่ไหน เดี๋ยวค่อยหา กลับไปก่อน ก็กะว่าจะปิดบ้านหา กลัวคนอื่นรู้"
 





คุณรัตนาพร รู้อยู่แล้วว่าลอตเตอรี่เขาหาย แล้วทำไมถึงมาถามหาลอตเตอรี่ ทำไมไม่ถามเขาว่าหาลอตเตอรี่เจอหรือยัง ?

          รัตนาพร : "ก็ไม่คิดว่าลอตเตอรี่เขาจะหายจริง ตอนที่เราไปหาเขา หวยมันเพิ่งจะออกได้ตอนประมาณไม่ถึง 10 นาที"
 
แต่คุณรู้ตั้งแต่เมื่อวาน ?

          รัตนาพร : "ไม่ใช่ค่ะ ฉันไปที่บ้าน ว่าเขาถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ให้เขาเอาออกมาดู"

แต่วันที่ 31 เขาโทร. หาคุณถูกไหม คุณก็บอกให้เขาหา คุณไม่รู้เหรอว่ามันหายไป ?

          รัตนาพร : "ก็คิดว่ามันอยู่ในบ้านนั่นแหละ"

          ครูปรีชา : "ผมก็ปิดบ้านเลย หาลอตเตอรี่ในบ้าน หาไม่เจอ ก็ไปโรงพัก ไปสถานีตำรวจ ก็ไปบอกร้อยเวรวันที่ 1 ว่าผมถูกลอตเตอรี่แล้วลอตเตอรี่หาย ไปแจ้งความ ร้อยเวรบอกว่าอาจารย์กลับไปดู ไปทบทวน มันไม่หายไปไหนหรอกครับ ถ้าอาจารย์บอกว่าถูกรางวัลที่ 1 แน่ ๆ ก็กลับไปดูเลยที่บ้าน วันนั้นก็หาทั้งคืน หาที่บ้าน หากันสามคนพ่อแม่ลูก ซึ่งก็ไม่เจอ ไปแจ้งความวันที่ 2 ไปตอนบ่าย ๆ ก็หาอีก ตำรวจบอกว่าได้ครับ แต่ต้องบันทึกประจำวันอย่างเดียว แต่ไม่รับแจ้งความ เป็นใบบันทึกประจำวันของตำรวจ (โชว์ใบบันทึกประจำวัน) ไปแจ้งตอนบ่าย ๆ เย็น ๆ ไปคุยกับตำรวจอยู่พักนึง"

แต่ในใบบันทึกประมาณสองทุ่มกว่า ?

          ครูปรีชา : "ไปบ่ายสอง แล้วก็คุยกันก่อน ถึงลงบันทึกประจำวันตอนสองทุ่ม หลังจากนั้น ตำรวจแนะนำให้ไปที่กองสลากเพื่ออายัดลอตเตอรี่ ไปทำเรื่องเพื่อดูว่าใครขึ้นเงินหรือยัง ก็เอาบันทึกไปที่กองสลาก ที่สนามบินน้ำ ซึ่งไปวันที่ 3 พอไปวันที่ 3 เขาก็น่ารักมาก เขาก็แนะนำว่าอาจารย์ใบบันทึกประจำวันมันใช้ไม่ได้ ต้องเป็นใบแจ้งความถึงใช้ได้ ก็กลับไปใหม่"

จากเรื่องวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ไปแจ้งความ มันผ่านเวลาถึง 28 พฤศจิกายน ตำรวจเรียกคุณไปว่าไง ?

          จรูญ : "ก็บอกว่ามีคนแจ้งความว่าลอตเตอรี่หาย"
 
มันใช้เวลานานนะ ผ่านไป 3 อาทิตย์กว่า ?

          ครูปรีชา : "มันเป็นกระบวนการของกองสลาก เขาใช้ระบบตรวจสอบ นิติกร ประชุมแล้วประชุมอีก เพราะเป็นเรื่องรางวัลที่ 1 ทางนิติกรก็แจ้งว่าอาจารย์อาจช้าหน่อยนะครับเพราะอยากให้ถูกต้อง ไม่อยากให้เกิดเรื่องเหมือนจังหวัดอื่น ๆ"
 
ในระหว่างนั้นไม่กลัวคนเขาเบิกเงินคุณเอาเงินไปใช้เหรอ ?

          ครูปรีชา : "ใจก็ระแวง แต่เราทำงานราชการ เราจะรู้ระบบการทำงานด้วยกัน แล้วไปที่กองสลากมาแล้วเห็นเลยว่าวิธีการทำงานเขารัดกุมมาก เขาดูแลอย่างดี"

ไปเจอหน้า เคยเจอมาก่อนไหม ?

          ครูปรีชา : "ไม่เคยเจอ"

แล้วทำไมถึงบอกว่าเราเคยทำบุญร่วมกัน เอาไปคนละ 15 ล้านแล้วก็แยกย้ายกันไป

          ครูปรีชา : "ยังไม่ได้บอกแบบนั้นนะครับ คือทางตำรวจเขาให้คุณลุงหาพยานหลักฐานมา ว่าคุณลุงยังไม่ได้ลงเลขคดีครับ แค่แจ้งความเฉย ๆ ถ้าคุณลุงมีพยาน มีหลักฐาน ซื้อจากใคร คุณลุงตอบอะไรไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ซื้อจากที่ไหน"

          จรูญ : "เราจำสถานที่ได้อยู่แล้ว แต่จำแผงไม่ได้"
 
          ป้าลาวัลย์ : "เราเป็นลูกค้าขาจรไงคะ เราเจอตรงไหนเราก็ซื้อ แต่ทางนั้นเขาเป็นลูกค้าประจำกัน เขาก็ต้องจำกันได้ใช่มั้ยคะ"

          ปรีชา : "ปกติซื้อทุกงวด งวดนี้ไม่ต่ำกว่า 5 พันบาท แล้วส่วนใหญ่ก็เลขมงคลทั้งนั้นเลยครับ ผมตามเลขนี้มาตลอด เพราะหนึ่งผมรักเลขนี้"
 
คุณลุงก็ยังยืนยัน ?

          จรูญ : "ยังยืนยันอยู่ พันเปอร์เซ็นต์"
 
แบ่งได้ไหม ?

          ป้าลาวัลย์ : "ไม่แบ่งค่ะ"
          
          จรูญ : "มันของของเรา เราเป็นคนซื้อ"

แต่เขาบอกทำบุญร่วมกันมา ?

          ป้าลาวัลย์ : "ก็เราไม่รู้จัก"

          จรูญ : "ไม่รู้ทำบุญด้วยกันมาชาติไหน"

15 ล้านจบไหม ?

          ครูปรีชา : "คือผมจบ ณ วันที่ 28 แต่ ณ วันนี้ผมไม่จบแล้วครับ ผมไม่ให้เลยสักบาท เพราะให้โอกาสคุณลุงแล้วครับ"

          ป้าลาวัลย์ : "ก็ดำเนินไปตามกฎหมายก็แล้วกัน"
 

รู้สึกเป็นธรรมไหมครับถูกอายัด ?

          จรูญ : "ไม่เป็นธรรม ก็ผมซื้อ ผมถูก แล้วผมมาโดนอายัด มันเป็นธรรมตรงไหน"

          ป้าลาวัลย์ : "แล้วเป็นฝ่ายถูกกระทำนะคะตอนนี้"

          ครูปรีชา : "ผมก็เข้าใจนะครับ แต่ ณ เวลานี้จากพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่ผมบอกว่าเรามีบุญร่วมกัน เรารับราชการด้วยกันทั้งคู่ คุณลุงก็เป็นตำรวจ ผมก็เป็นครู ซึ่งตำรวจเขาก็ให้โอกาสเราสองคนคุยกัน ในการคุยกัน ผมก็ได้คุยกับเขาว่าคุณลุงถือว่าเป็นคนดีนะ เพราะคุณลุงไม่ได้เป็นนักโทษ ไม่ได้เป็นผู้ต้องหา ผมไม่ได้มากล่าวว่าคุณลุงขโมยของ ผมมาแจ้งความว่าลอตเตอรี่ผมหาย ผมไม่ได้แจ้งความว่าคุณลุงเอาไป วันที่ลอตเตอรี่หายผมก็เสียใจแต่ก็เก็บไว้เป็นความลับ เพราะหนึ่งเราเป็นครู สองลอตเตอรี่หาย เราต้องใช้ความเป็นครูสังเคราะห์ก่อนว่าเราควรจะทำยังไงบ้าง เรามีเส้นทางเดินยังไง เราต้องเช็กให้ถูกต้อง เราเสียใจเพราะหาลอตเตอรี่ไม่เจอ"

ในเฟซบุ๊กคุณลุงปรีชา คุณลงไว้ 131185 คุณบอกว่าบุญมีจริง รถนำโชค ทำไมถึงไม่พูดถึงลอตเตอรี่ที่หาย ?

          ครูปรีชา : "ผมพูดไม่ได้ครับ เพราะผมไปแจ้งความ ผมก็รู้ว่าลอตเตอรี่ผมหาย การที่ลอตเตอรี่หาย จะมานั่งโทษคนอื่น โทษอะไรไม่ได้ ต้องใช้กระบวนการให้ถูกต้อง บอกคนอื่นเลยว่าเรามีดวงแล้ว แต่เราก็ต้องใช้กระบวนการในความเป็นครู โพสต์ไปว่าเทวดาให้มาแล้วนะ บอกเป็นนัย ๆ กับเพื่อน ๆ ว่ามันมีมากกว่านั้น"

ทำไมไม่ลงว่าบุญมีแต่กรรมบัง ?

          ครูปรีชา : "ไม่ลงครับเพราะไม่ใช่กรรมบังครับ เพราะไม่ใช่กรรมครับ"
 
          รัตนาพร : "เราก็ไปเมนต์ว่านางสีนิลผู้ให้โชค เรารู้ว่าลอตเตอรี่เขาหาย แต่มันเป็นเรื่องรูปคดี เราไม่สามารถเอ่ยถึงได้"
 
          ครูปรีชา :"กลัวคนรู้ครับ"
 
          รัตนาพร : "เดี๋ยวเสียรูปคดีเขา เราไม่อยากพูดถึง"
 
จะเอายังไงกันต่อ ?

          ครูปรีชา : "จริง ๆ แล้ว วันนี้ ณ เวลานี้ก็จะไม่ให้เลย แต่เมื่อวานดูโหนกระแส เห็นคุณลุงเบิกไป 2 งวด ห้าล้านห้า ผมเชื่อว่าเป็นของผมนะ แล้วผมเชื่อว่าคุณลุงเก็บได้ แล้วเอาไปขึ้นเงิน ในความรู้สึกของผม แต่ ณ เวลานี้ถ้าคุณลุงยอมรับว่าคุณลุงเอาไปจริง ๆ ส่วนที่คุณลุงเบิกไปแล้วผมก็จะให้ไป แต่ถ้าจบจากรายการนี้ไปแล้ว ไปคุยในศาลอย่างเดียว ผมเอาคืนหมดเลยครับ"

ทางนี้ได้ไหม ?

          ป้าลาวัลย์ : "ไม่ได้ค่ะ"

          จรูญ : "ก็ผมเป็นคนซื้อ ผมเป็นคนถูก"
 
          รัตนาพร : "ตอนแรกคุณลุงบอกว่าอ้วน ๆ ขาว ๆ แต่ตอนหลังคุณลุงบอกว่าจำไม่ได้"

          จรูญ : "ก็มันผ่านมาหลายวันแล้ว ผมจำไม่ได้"


มีกระแสข่าวว่าคุณมีส่วนรู้เห็นกับข้าราชการผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เพื่อจะให้ไปแบ่งกัน ?

          ครูปรีชา : "กระแสเกิดจากทนายตั้มครับ ขอพูดผ่านรายการ เป็นทนายรู้กฎหมาย การที่ไปลงเฟซบุ๊กให้คนเขาวิพากษ์วิจารณ์ ศาลเท่านั้นถึงจะตัดสินว่าคนไหนผิดคนไหนถูก ทำไมคุณตัดสินแล้ว คุณเป็นศาลหรือเปล่า คุณเป็นทนายนะครับ การที่คุณไปโรงเรียนที่ผมให้ข้อมูลมา คุณบอกผมว่าคุณเป็นองค์กรกลาง คุณมาไกล่เกลี่ย รู้มั้ยครับเข้าไปในโรงเรียน เขาไม่ได้ขออนุญาตโรงเรียน เขาไปหาผม หนังสือสักฉบับก็ไม่มี หนังสือที่จะนำส่งขอพบอาจารย์ปรีชาก็ไม่มี ความที่ผมเห็นแขกมา เราเป็นครู เราก็ต้องต้อนรับ ทนายตั้มก็เห็นว่าผมสอนนักเรียน ผมก็เปิดโอกาสให้ทนายตั้มทุกอย่าง คิดว่าเราเป็นครู เราก็ต้อนรับ แต่ทนายตั้มเอาผมไปวิพากษ์วิจารณ์หมดเลย"
 
          ทนายตั้ม : "แต่ผมไม่ได้เอ่ยชื่อใครเลยนะ"

          ครูปรีชา : "แต่ทนายตั้มไม่ได้เป็นศาลนะ ทนายตั้มมีสิทธิ์พิพากษาผมเหรอ"

          ทนายตั้ม : "ก็ผมเข้าไป คุณครูก็ให้การต้อนรับ ก็คุยกันอย่างดี ไม่มีอะไร ผมก็เล่าไปตามข้อเท็จจริง คุณครูก็พูดมาเลยว่ามีเรื่องไหนที่ไม่จริงบ้าง เอาตรงไหนไม่จริงก่อน"

          ครูปรีชา : "คุณเป็นคนถือกฎหมาย เป็นเจ้าของกฎหมาย สิ่งต่าง ๆ ที่สังคมเขาวิพากษ์วิจารณ์ มันเกิดจากทนายตั้มว่าผมขี้เหล้าเมายา เอาหลักฐานตรงไหน"

          ทนายตั้ม : "แต่ผมไม่ได้เอ่ยชื่อคุณนะครับ"

          ครูปรีชา : "แต่เรื่องทั้งหมดเกิดจากกระบวนการเหล่านี้"

          ทนายตั้ม : "ใช่ครับ ผมมาวันนี้อยากให้ประชาชนตัดสินว่าเรื่องราวเป็นยังไง ถ้าฝ่ายไหนถูกผิด ประชาชนตัดสินแล้ว"

          ครูปรีชา : "แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทนายตั้มวิพากษ์วิจารณ์ว่าส่อพิรุธ ส่ออย่างโน้นอย่างนี้ ซึ่งทุกอย่าง มันเป็นกระบวนการของศาลนะครับ"

          ทนายตั้ม : "ผมเป็นทนายความ ผมมีหน้าที่สืบหาข้อเท็จจริง"

          ครูปรีชา : "ไปที่โรงเรียนก็ไม่ได้ขออนุญาตโรงเรียน"

          ทนายตั้ม : "คุณครูก็ไม่ได้ไล่ผมออกนี่ครับ ถ้าคุณครูไม่ยินดี ผมก็ต้องออกนะครับ"

          ครูปรีชา : "ไม่ได้ตำหนินะ แต่ขอพูดในฐานะคุณเป็นทนาย ผมเป็นครู การเป็นทนาย คุณเป็นผู้รู้กฎหมายหมดทุกเรื่อง การที่คุณโพสต์ไม่เอ่ยชื่อ แต่ทุกอย่างทนายตั้มรู้ดี"

          ทนายตั้ม : "ใช่ครับ และทุกอย่างคุณครูก็รู้ดีแก่ใจแน่นอน"
 
          ปรีชา : "แต่ข้อมูลบางอย่างได้บอกข้อมูลไปแล้วว่าขอสงวน"

          ทนายตั้ม : "ไหน ๆ ก็มาแล้วก็ขอถามเลยดีกว่า วันนั้นคุณครูบอกว่ารู้เองหลังหวยออก แต่มาในรายการบอกว่ารู้วันที่หายแล้ว ตกลงมันเป็นยังไงกันแน่"

          ปรีชา : "ข้อมูลบางอย่างนะครับ ผมเป็นคุณครูนะครับ จบระดับปริญญาโท ไม่ใช่ตาสีตาสา คุณทนายตั้มไป คุณครูก็ไม่ได้เชื่อมั่นว่าเป็นคนดีหรือคนไม่ดี ก็ให้ข้อมูลในเชิงที่ถูกต้องบ้างไม่ถูกต้องบ้าง เพราะไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร"

          ทนายตั้ม : "สรุปที่บอกผมไม่ใช่เรื่องจริง"

          ปรีชา : "ไม่ใช่ไม่ใช่เรื่องจริง บางเรื่องสรุปเพื่อเป็นประโยชน์"

          ทนายตั้ม : "ที่บอกว่ามีข้อมูลแล้วทำไมไม่มีไลน์"

          ปรีชา : "ทำไมต้องให้ล่ะครับ คุณเป็นใคร อยู่ดี ๆ ก็หยิบไป แล้วถามว่าคุณเป็นอะไร ในหน่วยงานของผม ผมขอตำหนิว่าคุณกำลังละเมิดสิทธิมนุษยชน"
 
          ทนายตั้ม : "ถ้าละเมิดจริง ๆ นะ คนที่ไปกล่าวหาคนอื่นเพื่อเอาเงินเขา ผมว่ามันแย่กว่านะ"

          ทนายครูปรีชา : "ผมก็เป็นทนายความ คุณก็เป็นทนายความผมอยากให้ใช้อำนาจศาลตัดสินมากกว่า"
 
          ทนายตั้ม : "วันนี้มาออกรายการทีวีครับ"
 
          ทนายครูปรีชา : "ตอนนี้ก็คิดอยู่นะ ว่าวันนี้ทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ถูกต้องทั้งหมด ก็อยากให้เข้ากระบวนการศาล แล้วพิจารณา สิ่งที่เราไม่รู้ เรายังไม่ทราบ เราไม่ควรคิดไปก่อน"

          ปรีชา : "แล้วเมื่อวานดูรายการหนึ่ง ไปสอบถามเพื่อนครูว่าครูติดการพนัน เมาเหล้า คุณฟันธงได้ยังไง"

          ทนายตั้ม : "ผมถามจริง ๆ ครับ"
 
          ปรีชา : "มีหลักฐานมั้ย ถ้าไม่มีผมฟ้องนะครับ"

          ทนายตั้ม : "ผมเอ่ยชื่อคุณหรือเปล่า"

          ปรีชา : "คุณป็นทนายนะครับ คุณกำลังละเมิด"
 
          ทนายปรีชา : "ใจเย็น ๆ นะครับ ถ้าใครทำอะไรไม่ถูกต้อง เดี๋ยวเราต้องมาดำเนินคดีกัน"
 
          ครูปรีชา : "เรื่องทั้งหมดสิ่งที่จะตัดสินไม่ใช่รายการโหนกระแส รายการต่าง ๆ หรือสื่อมวลชน แต่เป็นกระบวนการศาล เพราะฉะนั้นจะคิดจะทำอะไรกัน ก็ให้เกียรติกับทุกคน ให้เกียรติองค์กร และประเทศชาติด้วยนะครับ เยาวชนดูหมด ทุกคนจะมาลงความเห็นแล้วทุกคนมาตัดสินแบบนี้ไม่ได้นะครับ"


ถามคำถามสุดท้ายถ้าวันนี้พิสูจน์ออกมาแล้วไม่ใช่ของคุณเป็นของเขาทำไง ?

          ป้าลาวัลย์ : "ก็ต้องสู้กันให้ถึงที่สุด"

          จรูญ : "ก็แล้วแต่กระบวนการยุติธรรม"

แล้วจะขอโทษเขาไหมถ้าเขาถูก ?

          จรูญ : "ไม่ ก็ผมซื้อ ผมถูก"

          ปรีชา : "จิตมนุษย์รู้เอง"

          จรูญ : "ใช่ ถูกต้องเลย"

          ปรีชา : "ก็ใจเขาเท่านั้นที่รู้"

แพ้ก็ไม่ขอโทษ ?

          จรูญ : "ไม่ขอโทษ"

ถ้าคุณแพ้ล่ะคุณปรีชา ?

          ปรีชา : "ผมก็ยินดีรับโทษตามกระบวนการศาลครับ โทษศาลเป็นยังไงผมก็ยินดี"
 
          ทนายปรีชา : "พยานหลักฐานเรามีมากกว่านี้ เราขอนำเสนอในขั้นสอบสวน"

แสดงว่าที่มีการฮั้วกันก็ไม่จริง ?

          ปรีชา : "ไม่จริงครับ แล้วใช้คำว่ากระบวนการ"
 
          ทนายตั้ม : "มีการเข้าไปคุยกับนายตำรวจระดับสูงหลังวันที่ 28 หรือเปล่า"

          ปรีชา : "ไม่มีครับ"

          ทนายตั้ม : "มีคนรับมาแล้วนะ ว่ามีการไปคุยจริง"

          ปรีชา : "ทนายตั้มคุณอย่าตั้งสมมุติฐานสิครับ"
 
          ทนายตั้ม : "ไม่ได้ตั้งสมมุติฐานนะครับ"

          ปรีชา : "ผมเป็นครูสอนกฎหมายนะครับ ผมรู้ว่าสิ่งที่คุณทนายทำมันไม่ถูกต้อง"




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ครูปรีชา เดือด เปิดศึก อดีต ตร. ชิงหวย 30 ล้าน ลั่น ไม่ขอจบเรื่อง เหตุให้โอกาสแล้ว อัปเดตล่าสุด 8 ธันวาคม 2560 เวลา 11:32:11 92,285 อ่าน
TOP