หากจำกันได้ สำหรับเน็ตไอดอลสาว น้องจูน หรือ น.ส.วัลย์ลดา กันตพลจรัณธร ที่เคยทำงานพิเศษช่วงปิดเทอมเป็น รปภ. ที่ห้างแห่งหนึ่ง จนกลายเป็นกระแสช่วงกลางปีที่ผ่านมา ก่อนมาพบกับข่าวช็อกเมื่อน้องจูน เกิดอุบัติเหตุรถเก๋งชนท้ายรถพ่วง 18 ล้อ ที่ จ.ปทุมธานี บาดเจ็บสาหัส ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่นาน แต่แล้ว ล่าสุด เคราะห์ซ้ำกรรมซัด น้องจูนก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ตนเองถูกสวมบัตรประชาชน โดยมิจฉาชีพนำไปหลอกเอาเงินคนอื่น ทั้งที่ตนไม่เคยลืมบัตรประชาชนไว้ที่ไหน นอกจากเคยเอาไว้ที่สถานีตำรวจเมื่อต้นเดือนธันวาคม แล้วก็เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา
หลังทราบเรื่องพี่สาวกับพ่อได้ทักแชทไปหาผู้หญิงคนนี้ แต่ก็ไม่มีการตอบรับใด ๆ กลับมา ตนยืนยันว่าไม่เคยถ่ายรูปบัตรประจำตัวประชาชนของตัวเองส่งไปให้ใคร รวมถึงไม่เคยให้ใครยืม และไม่เคยลืมไว้ที่ไหน แต่เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ตนไปให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. แห่งหนึ่ง ใน จ.ปทุมธานี จากคดีอุบัติเหตุรถชน ซึ่งตำรวจได้ขอบัตรประจำตัวประชาชนของตนไปถ่ายเอกสาร และไม่ได้คืนบัตรตัวจริงมาให้ ตนเข้าใจว่าตำรวจอาจจะเก็บไว้เพื่อทำคดี ผ่านไปประมาณ 5-6 วัน ตำรวจก็ฝากพ่อมาคืนให้ โดยก่อนหน้านี้ก็เคยมีคนนำรูปของตน ไปโพสต์ขายครีมและสบู่ แล้วโกงเงินแบบนี้ จึงอยากฝากเตือนทุกคนว่า หากจะซื้อสินค้าออนไลน์ให้ตรวจสอบให้ดี เพราะมิจฉาชีพมีเยอะ
ด้าน นายธนันท์รัฐ กันตพลจรัณธร พ่อของน้องจูน เล่าว่า ตนได้โทร. กลับไปสอบถามผู้ชายที่โทร. มาหาน้องจูน ทราบว่าเป็นตำรวจ เนื่องจากเมื่อน้องจูนบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของเขาไว้ ปรากฏภาพไลน์ของผู้ชายคนนี้ใส่ชุดตำรวจ แล้วมาทราบว่าเป็นน้องชายของผู้เสียหาย ตนพยายามจะสอบถามรายละเอียดอื่น ๆ แต่เขาก็ไม่ตอบ และบอกว่าจะแจ้งความน้องจูน ตนก็ตอบกลับไปว่ายินดี เพราะมั่นใจว่าน้องจูนไม่ได้ไปหลอกลวงใครแน่
นอกจากนี้ ตนยังโทรศัพท์ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สอบปากคำน้องจูน โดยตำรวจยืนยันว่าไม่มีข้อมูลรั่วไหลแน่นอน อย่างไรก็ตาม เพื่อความสบายใจ ทนายส่วนตัวได้แนะนำให้ตนเข้าแจ้งความกับกองปราบปรามเพื่อให้ช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะตนรู้สึกว่ามีหลายอย่างน่าสงสัย เช่น ตำรวจที่โทร. มาทราบเบอร์โทรศัพท์ของน้องจูนได้อย่างไร
ขณะที่อาการของน้องจูน จากการประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ล่าสุด อาการดีขึ้นสามารถเดินเองได้แล้ว แต่ดวงตาทั้งสองข้างยังพร่ามัว นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องความจำ พูดอะไรไปผ่านไปครู่หนึ่งก็จะลืม รวมถึงขาข้างขวายังทรงตัวได้ไม่ดี เวลาเดินก็จะมีอาการเซหรือหกล้มบ้าง
ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก June Wanladar, อมรินทร์ ทีวี