เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2560 เว็บไซต์อ็อดดิตี้เซ็นทรัล เผยเรื่องราวคดีแปลกจากประเทศจีน ระบุว่า ชายแซ่เจิ้ง วัย 33 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมนายเฉา ผู้เป็นลุงของภรรยา แต่เขาได้แสร้งทำเป็นว่า ตนเองเป็นคนใบ้ ไม่สามารถพูดคุยสื่อสารได้เช่นคนทั่วไป ระหว่างการหลบหนีคดียาวนาน 12 ปี แต่สุดท้ายการทำเช่นนั้นก็ทำให้เขาต้องสูญเสียความสามารถในการพูดไปจริง ๆ
หลังจากวันเวลาผ่านไป นายเจิ้งได้ไปสร้างชีวิตใหม่อยู่ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ในมณฑลอานฮุย ซึ่งอยู่ห่างไปทางตอนเหนือของนครหางโจว 700 กิโลเมตร ที่นั่นเขาได้ประกอบอาชีพเป็นคนงานก่อสร้าง แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเลิกเป็นขอทานแล้ว เขากลับยังคงแกล้งเป็นใบ้ต่อไปเรื่อย ๆ และหลังจากนั้น เขาก็ได้มีครอบครัว มีภรรยาและลูกชาย 1 คน แต่ทั้งนี้ เขาก็ไม่เคยพูดกับภรรยาหรือลูกเลยสักครั้ง เพราะกลัวว่าความลับที่ปิดไว้จะถูกเปิดเผยออกมา ด้วยเหตุนี้ทำให้ทุกคนรอบตัวเขาต่างเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขาเป็นใบ้จริง ๆ
อย่างไรก็ดี ความลับไม่มีในโลก ภายหลังจากการปกปิดตัวตนที่แท้จริงนานถึง 12 ปี ในที่สุด ความจริงก็ถูกเปิดเผย โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นไปสำรวจสำมะโนประชากร แต่นายเจิ้งไม่สามารถยืนยันตัวตนกับทางเจ้าหน้าที่ได้ เนื่องจากไม่มีเอกสารยืนยันตัวตน ทำให้เกิดความสงสัยและนำไปสู่การตรวจสอบ โดยทางเจ้าหน้าที่ได้นำเลือดของเขาไปตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอเพื่อระบุตัวตน ทำให้ได้ทราบว่า นายหวัง กุ่ย (ชื่อใหม่) แท้จริงแล้วก็คือ ชายแซ่เจิ้ง ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมที่อยู่ระหว่างการหลบหนีการจับกุมของทางเจ้าหน้าที่
ดังนั้นนายเจิ้งจึงต้องใช้วิธีการเขียนในการติดต่อสื่อสารกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเมื่อเขาถูกถามว่า เพราะเหตุใดถึงต้องแกล้งทำเป็นใบ้ด้วย เขาได้เขียนตอบกลับมาว่า "ยิ่งผมพูดน้อยเท่าไหร่ โอกาสที่จะพลาดก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น"
อย่างไรก็ดี รายงานไม่ได้เปิดเผยแน่ชัดว่า ในกรณีของนายเจิ้งนั้น ความสามารถในการพูดของเขาจะสามารถกลับมาเป็นปกติเช่นเดิมได้หรือไม่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็อาจจะไม่สำคัญสำหรับตัวเขา เนื่องจากนายเจิ้งอาจจะถูกตัดสินโทษประหาร เพื่อชดใช้ความผิดฐานฆาตกรรมที่ได้ก่อขึ้นเมื่อ 12 ปีก่อน