ถึงปอกเปลือกกล้วยจะง่าย แต่ถ้าไม่ต้องปอกเลยจะเป็นอย่างไร... สวนผลไม้ในประเทศญี่ปุ่นพัฒนากล้วยพันธุ์พิเศษ สามารถกินได้ทั้งเปลือก และสามารถเติบโตในสภาพอากาศหนาวเย็นได้ เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ ร่วมกับทีมนักวิจัยที่สวนผลไม้
D&T Farm ในจังหวัดโอคายามะ ประเทศญี่ปุ่น ได้พัฒนากล้วยพันธุ์พิเศษที่เปลือกของมันสามารถกินได้ โดยตั้งชื่อว่า
Mongee Banana แม้รสชาติเปลือกของมันจะไม่อร่อยเหมือนเนื้อกล้วย แต่มันมีความบางและขมน้อยกว่ากล้วยทั่วไป และที่สำคัญมั่นใจว่ากินได้ 100 เปอร์เซ็นต์
โดยเว็บไซต์อ็อดดิตี้เซ็นทรัล ได้หยิบเรื่องราวมานำเสนอเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2561 เผยว่า
การผลิตกล้วยพันธุ์พิเศษนี้ได้ใช้กรรมวิธีที่เรียกว่า Freeze Thaw
Awakening
ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงพันธุกรรมให้เหมือนกล้วยสายพันธุ์โบราณ
ที่สามารถเติบโตในสภาพอากาศที่หนาวเย็นได้
โดยพวกเขาจะแช่แข็งต้นอ่อนของกล้วยในอุณหภูมิ -60 องศาเซลเซียส
ก่อนจะนำไปปลูกเมื่อน้ำแข็งละลาย
วิธีการเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้กล้วยสามารถเจริญเติบโตในพื้นที่อากาศหนาวเย็นในญี่ปุ่นได้
แต่ยังช่วยเร่งการเจริญเติบโตของมัน
ในขณะที่กล้วยสายพันธุ์ทั่วไปใช้เวลาปลูกนานถึง 2 ปี
จึงจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ แต่กล้วยพันธุ์พิเศษนี้ใช้เวลาเพียงแค่ 4
เดือนเท่านั้น และด้วยเหตุที่มันสามารถเติบโตในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้
จึงทำให้ไม่มีแมลงศัตรูพืชมารบกวน
ทางเกษตรกรจึงไม่จำเป็นต้องพ่นยาฆ่าแมลงใด ๆ
ผลผลิตของกล้วยดังกล่าวนี้
ถูกนำมาวางขายครั้งแรกในห้างสรรพสินค้าท้องถิ่น
เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี
กระบวนการผลิตกล้วยชนิดนี้ออกสู่ตลาดยังคงเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับทางสวน
เนื่องจากสามารถผลิตได้เพียงแค่สัปดาห์ละ 10 ผลเท่านั้น
โดยมีจำหน่ายแค่ที่เดียว ในโซนผลไม้ของห้างสรรพสินค้า Tenmanya
ของท้องถิ่นจังหวัดโอคายามะเท่านั้น ราคาอยู่ที่ผลละ 648 เยน หรือประมาณ
185 บาท
ตามรายงานของ
SoraNews24 ระบุว่า
กล้วยดังกล่าวถูกเรียกว่าเป็นกล้วยพันธุ์พิเศษ
และมีเพียงผู้โชคดีเท่านั้นที่จะได้มีโอกาสลิ้มลองรสชาติของมัน
โดยกล้วยดังกล่าวนี้จะหวานกว่ากล้วยปกติ เนื่องจากมีน้ำตาลมากถึง 24.8 กรัม
ในขณะที่กล้วยทั่วไปมีปริมาณน้ำตาลเพียง 18.3 กรัม ทั้งนี้
มันยังมีกลิ่นที่แรงกว่ากล้วยปกติ นอกจากนี้
สิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับกล้วยพันธุ์นี้คือ จะต้องกินตอนมันสุกพอดีเท่านั้น
ไม่เหมือนกับกล้วยทั่วไปที่สามารถกินได้หลายช่วงจนกว่าเปลือกของมันจะเริ่มเป็นสีน้ำตาล
ในส่วนของเปลือกกล้วยชนิดนี้จะบางกว่าปกติ
ทำให้ง่ายต่อการเคี้ยว อย่างไรก็ดีรสชาติของมันจะขมกว่าตรงส่วนเนื้อ
จึงอาจจะไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นัก หากจะกินเปลือกของมันอย่างเดียว
แต่หากกินคู่กับเนื้อของมันที่หวานมาก ๆ จะได้รสชาติที่พอดี
อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากด้วยเช่นกัน
โดยทางสวนเปิดเผยว่า
กล้วยชนิดนี้ประกอบไปด้วยวิตามิน B6 และแมกนีเซียม
ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสร้างเซโรโทนิน
ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาทภายในสมอง
รวมถึงทริปโตเฟน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนจำเป็น
ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ อีกทั้งผลการวิจัยยังพบว่า
เปลือกของมันมีฤทธิ์ยับยั้งอาการของโรคต่อมลูกหมากโตได้ด้วย ภาพจาก
mongeebanana