เปิดเรื่องราวอื้อฉาวสะเทือนโลก อดีตกษัตริย์จอร์แดน และ นักแสดงสาวเชื้อสายยิว มีความสัมพันธ์ลับ ๆ โดยซีไอเออยู่เบื้องหลัง รายงานเผย ทั้งสองคบหาลับ ๆ อีกนานหลายปี และมีลูกด้วยกันอีกด้วย
แฟ้มลับเจเอฟเค หรือ เอกสารกว่า 35,000 ฉบับที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับคดีลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ได้การอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้นำมาเปิดเผยออกสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรก หลังจากถูกเก็บเป็นความลับมานานร่วม 5 ทศวรรษ ได้เผยถึงเรื่องราวลับสุดยอดระหว่างประเทศมากมาย รวมทั้งเรื่องอื้อฉาวของ สมเด็จพระราชาธิบดีฮุสเซนแห่งจอร์แดน กับ นักแสดงสาวชาวอเมริกันเชื้อสายยิวที่ชื่อ ซูซาน คาบอท (Susan Cabot) และข้อมูลลับ ๆ นี้ก็ได้ทำให้โลกรู้ว่า ลูกชายผู้ทุบตีซูซานจนเสียชีวิตนั้น จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของสามีเธอ แต่เป็นลูกที่เกิดจากความสัมพันธ์ลับ ๆ ระหว่างเธอกับกษัตริย์จอร์แดน
โดยจากการรายงานของเว็บไซต์ยูเอสเอทูเดย์ เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2560 ระบุว่า ในขณะที่ สมเด็จพระราชาธิบดีฮุสเซน กษัตริย์จอร์แดน มีพระชนมายุ 23 พรรษา ได้เสด็จฯ เยือนนครลอสแอนเจลิส ในเดือนเมษายน 2502 ซึ่งสหรัฐฯ ต้องการเอาใจพระองค์เพื่อให้การสร้างพันธมิตรในภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นไปอย่างราบรื่น ผู้ที่ทำหน้าที่นี้คือ สำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ หรือ ซีไอเอ (CIA - Central Intelligence Agency) และมหาเศรษฐี โฮเวิร์ด ฮิวจ์ส โดยซีไอเอมอบหมายให้เจ้าหน้าที่เอฟบีไอผู้ผันตัวไปเป็นนักสืบเอกชน อย่าง โรเบิร์ต มาฮิว จัดการหาผู้หญิงมาให้พระองค์ ซึ่งโรเบิร์ตก็ได้ไปทาบทามนักแสดงฮอลลีวูดมาคนหนึ่ง และเธอผู้นั้นคือ ซูซาน คาบอท
ถึงแม้ว่าในเอกสารลับฉบับนี้จะไม่ได้เอ่ยถึงชื่อบุคคลอย่างชัดเจน เพราะระบุไว้แค่ว่า "ประมุขแห่งรัฐจากต่างประเทศ" แต่เมื่อดูจากลำดับเวลาแล้ว ประมุขแห่งรัฐผู้นั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากกษัตริย์แห่งจอร์แดน ซึ่งก่อนหน้านั้นในเดือนมีนาคม 2502 สำนักข่าวนิวยอร์กไทม์ส ก็ได้รายงานว่า สมเด็จพระราชาธิบดีฮุสเซน มีกำหนดเสด็จเยือนสหรัฐฯ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับประเทศ และเมื่อ สมเด็จพระราชาธิบดีฮุสเซน ได้พบกับ ซูซาน ที่ลอสแอนเจลิส ทั้งคู่ต่างก็ประทับใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างมาก ซูซานได้ติดตามพระองค์ไปเยือนนิวยอร์ก ในช่วงวันที่ 14-18 เมษายน 2502 ด้วย เธอเข้าพักที่โรงแรมบาร์คลีย์ และเจ้าหน้าที่ซีไอเอก็พาเธอไปหาสมเด็จพระราชาธิบดีฮุสเซนที่บ้านพักในลองบีชทุก ๆ คืน ตลอด 4 คืนของการอยู่นิวยอร์ก
ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก และมันก็ไม่ได้เป็นความลับ วงสังคมสมัยนั้นต่างก็รู้กันทั่ว สื่อหลายสำนักต่างก็ตีพิมพ์ข่าวถึงพวกเขาทั้งสอง โดยกล่าวว่า กษัตริย์มุสลิมจากโลกอาหรับอาจจะต้องพบกับปัญหายุ่งยาก เพราะความใกล้ชิดที่พระองค์มีต่อนักแสดงสาวเชื้อสายยิว ด้วยเหตุนี้ ซูซานก็ได้ปรึกษาหารือกับทีมเจ้าหน้าที่ เพราะเธอก็ไม่อยากให้ข้อมูลส่วนตัวของเธอถูกเผยแพร่ออกสื่อ
ข้อมูลที่เว็บไซต์เยรูซาเลมครอนิเคิล หยิบยกมารายงานนั้น เปิดเผยว่า สมเด็จพระราชาธิบดีฮุสเซนยังคงสานต่อความสัมพันธ์กับซูซานมาแบบลับ ๆ ถึง 7 ปี ซึ่งในระหว่างนั้น ซูซานตั้งครรภ์และคลอดลูกชายชื่อ ทิโมธิ สก็อตต์ ในปี 2504 โดยทิโมธีไม่ใช่เด็กที่แข็งแรง และมีปัญหาด้านความสูง ต้องพึ่งการฉีดฮอร์โมนมาตลอดหลายปี ส่วนซูซานนั้น เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับกษัตริย์จอร์แดนจบลง เธอก็แต่งงานกับผู้ชายที่ชื่อ ไมเคิล โรมัน ในปี 2511 ซึ่งไมเคิลก็ได้รับทิโมธีเป็นลูกบุญธรรม และให้เปลี่ยนมาใช้นามสกุลของเขา
แม้ความสัมพันธ์จะจบลง แต่ซูซานก็ยังนึกถึงกษัตริย์จอร์แดนเสมอ โดยจากการายงานของเว็บไซต์เดอะไทม์สออฟอิสราเอล ระบุว่า ลี มาร์วิน และ ร็อก ฮัดสัน เพื่อนนักแสดงร่วมวงการ เคยออกมาเปิดเผยว่า ซูซานเคยเล่าให้พวกเขาฟังว่า สมเด็จพระราชาธิบดีฮุสเซน คือผู้ชายที่มีเสน่ห์ที่สุดเท่าที่เคยพบมาในชีวิต อย่างไรก็ตาม ชีวิตในบั้นปลายของซูซานนั้นเต็มไปด้วยความทุกข์และจบลงด้วยโศนาฏกรรม เธอต้องทรมานกับโรคซึมเศร้า เธอเคยคิดจบชีวิตตัวเองหลายครั้ง และกลายเป็นคนที่มีอาการทางจิต จนกระทั่งในเดือนธันวาคม 2529 ทิโมธีทำร้ายซูซานขณะที่เธอพักอยู่ในบ้าน เขาใช้ที่ยกน้ำหนักกระหน่ำทุบศีรษะเธออย่างรุนแรงหลายครั้งจนเธอเสียชีวิต ทิโมธีถูกจับกุมในข้อหาฆาตกรรมโดยเจตนา โดยไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน
ในการพิจารณาคดีในชั้นศาลเมื่อปี 2532 ทนายของทิโมธีได้นำหลักฐานชิ้นหนึ่งมาเปิดเผย และเอกสารฉบับนี้ได้นำไปสู่การครหาว่า ทิโมธีน่าจะเป็นลูกชายของสมเด็จพระราธิธิบดีฮุสเซน เพราะมันมีข้อมูลระบุว่า ทุก ๆ เดือน ซูซานได้รับเงิน 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 480,000 บาท) จากหน่วยงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จอร์แดน
สำหรับชีวิตส่วนพระองค์ของสมเด็จพระราชาธิบดีฮุสเซน นั้น พระองค์ทรงผ่านการอภิเษกสมรสทั้งหมด 4 ครั้ง ทรงมีพระโอรส-ธิดา 11 พระองค์ (ไม่รวมทิโมธี) พระองค์ประชวรด้วยโรคปอด ในปี 2541 และเสด็จสรรคต ในปี 2542
ภาพจาก FILES-INTERCONTINENTALE / AFP, Instagram calstatelaspecialcollections
