ทนายรณณรงค์ ซัดสาวเปลือยท่อนล่างไลฟ์สดขายของหลังเสร็จกิจกับแฟน ส่อผิดกฎหมายอาญาอนาจาร-พ.ร.บ.คอมฯ ชี้ถ้าไม่มีใครออกมาแจ้งความ ทนายคงต้องออกโรงเอง
จากกรณีข่าวหญิงสาวคนหนึ่งเปลือยบริเวณท่อนล่างไลฟ์สดในเฟซบุ๊กเพื่อขายของ โดยในคลิปเธอพูดว่า เพิ่งมีอะไรกับแฟนหนุ่มเสร็จ ซึ่งแฟนหนุ่มได้ตะโกนต่อว่าที่พูดแบบนั้น แต่ฝ่ายหญิงก็ไม่สนใจพูดตอกกลับไปว่า โชว์ผิว และบอกแฟนหนุ่มว่าห้ามว่าเธอ เธอขายของดีเพราะทำแบบนี้ จนกลายมาเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักนั้น [อ่านข่าว : สะพรึงแรง สาวแก้ผ้าท่อนล่างไลฟ์สดขายของ บอกเพิ่งมีอะไรกับแฟนเสร็จ คลิก]
เกี่ยวกับเรื่องนี้วันที่ 15 มกราคม 2561 ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ ได้สอบถามไปยัง ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายชื่อดังเจ้าของแฟนเพจ ทนายคู่ใจ ระบุว่า หากดูแค่ภาพก็จะเห็นสาวคนดังกล่าวใส่กางเกงรัดรูปสีเนื้อ ไม่มีการเห็นของสงวนก็อาจจะไม่เข้าข่ายการกระทำอนาจาร แต่หากดูคลิปก็จะพบว่ามีการพูดเชิญชวนครวญครางส่อไปในเรื่องเพศ ก็จะเข้าข่ายการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 388 ระบุ ผู้ใดกระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล โดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5 พันบาท
เกี่ยวกับเรื่องนี้วันที่ 15 มกราคม 2561 ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ ได้สอบถามไปยัง ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายชื่อดังเจ้าของแฟนเพจ ทนายคู่ใจ ระบุว่า หากดูแค่ภาพก็จะเห็นสาวคนดังกล่าวใส่กางเกงรัดรูปสีเนื้อ ไม่มีการเห็นของสงวนก็อาจจะไม่เข้าข่ายการกระทำอนาจาร แต่หากดูคลิปก็จะพบว่ามีการพูดเชิญชวนครวญครางส่อไปในเรื่องเพศ ก็จะเข้าข่ายการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 388 ระบุ ผู้ใดกระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล โดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5 พันบาท
นอกจากนี้ ยังเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (4) ในเรื่องของการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทนายรณณรงค์ ระบุอีกว่า การขายครีม หรือสินค้าต่าง ๆ ที่มีการโชว์เรือนร่าง หรือพฤติกรรมที่ส่อไปทางเพศ ไม่ว่าจะสาวแท้หรือสาวประเภทสอง โดยไม่คำนึงว่าสิ่งที่ทำนั้นขัดต่อกฎหมายหรือไม่ แต่ทำเพื่อความดังเท่านั้น ก็อยากจะขอให้ฉุกคิดสักนิดว่าสิ่งที่ทำนั้นมันคุ้มค่ากับการที่คุณต้องเสียประวัติ มีคดีติดตัวหรือไม่ ที่สำคัญพฤติกรรมเช่นนี้เป็นเรื่องที่น้อง ๆ หนู ๆ เยาวชนไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ทั้งพ่อแม่ผู้ปกครองก็ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพื่อสังคมไทยจะได้น่าอยู่ยิ่งขึ้น โดยการเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน และหากไม่มีผู้ที่ออกมาช่วยกัน ก็คงจะเป็นทนายแถวนี้ออกไปที่สถานีตำรวจเองก็ได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เพ้อ., รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
