นาตาเลีย
ลงดาบ แม่เลี้ยงจับลูกเลี้ยงขัง-ทิ้งให้อดอาหารจนตาย ในสภาพสุดเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์เลี้ยง เผยไม่ให้กินอาหารหรือเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้ตายไปในห้องนอนที่แสนโสโครก วันที่ 28 มกราคม 2561 เว็บไซต์เมโทร รายงานว่า ศาลในสหรัฐฯ ได้เผยคำพิจารณาคดีของ นิโคล ฟินน์ วัย 43 ปี ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมโดยไตร่ตรองและลักพาตัว หลังจากที่เธอจับลูกเลี้ยง 3 คนขังไว้ภายในห้องนอนที่แสนสกปรก ตกอยู่ในสภาพเลวร้ายกว่าสัตว์เลี้ยง ทิ้งให้เด็ก ๆ ให้หิวโหยจนหนึ่งในนั้นเสียชีวิต
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ถูกจับได้ นิโคลก็ให้ โจเซฟ ฟินน์ ผู้เป็นสามีทำการตอกตะปูปิดตายหน้าต่างห้องของเด็ก ๆ จนในที่สุดนาตาเลียซึ่งทนทรมานอยู่กับความหิวโหยมานานหลายเดือนก็ทนไม่ไหว และขาดใจตายไปในที่สุด
นาตาเลีย
ระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาลเมื่อวันที่
28 มกราคม 2561 เปิดเผยว่า
เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งได้รับแจ้งให้เข้าไปตรวจสอบสวัสดิภาพของเด็ก ๆ
ในบ้านหลังดังกล่าว ได้เข้าไปช่วยเหลือลูก ๆ
ของนิโคลออกมาจากบ้านหลังนั้นในวันที่ 24 ตุลาคม 2559
พวกต้องตกใจอย่างหนักเมื่อได้พบว่า นาตาเลีย วัย 16 ปี
นอนหมดสติอยู่บนพื้นห้องนอน เธอดูผอมแห้งอย่างมาก น้ำหนักเพียง 38 กิโลกรัม
ตามร่างกายเต็มไปด้วยรอยเลือดและรอยขีดข่วน
ห้องที่เธอถูกขังอยู่ก็มีสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย
มันอบอวลไปด้วยกลิ่นของเสียจากคนและสัตว์ ไม่มีเตียงนอนหรือเครื่องเรือนใด ๆ
มีเพียงเสื่อน้ำมันสกปรกที่ปูให้เด็ก ๆ นอนนิโคล ฟินน์ และ โจเซฟ ฟินน์
ทั้งนี้
นิโคลและโจเซฟได้ถูกควบคุมตัวและเข้าสู่กระบวนการไต่สวนคดี
ซึ่งทางตำรวจยังได้พบอีกหนึ่งหลักฐานเป็นโน้ตเขียนด้วยมือของนิโคล
ที่เขียนถึงลูกเลี้ยงทั้ง 4 คนว่า "พวกมันไร้ค่าสิ้นดี
ฉันทนพวกมันไม่ไหวอีกแล้ว"
สะท้อนให้เห็นว่าเธอมีความต้องการที่จะฆ่าและทรมานลูกเลี้ยงให้ถึงแก่ความตาย
จนในที่สุดในการพิจารณาคดีเมื่อวันที่ 28 มกราคม ศาลก็ได้พิพากษาให้ นิโคลซึ่งมีความผิดฐานฆาตกรรมโดยไตร่ตรองและลักพาตัว ต้องได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต นอกจากนี้ผู้พิพากษา คาเรน โรมาโน ยังประณามว่ามันเป็นการกระทำที่เกินกว่าจะให้อภัย พร้อมสั่งห้ามเธอติดต่อกับลูกเลี้ยงอีกต่อไป
ขณะที่โจเซฟซึ่งมีส่วนรู้เห็นในเรื่องดังกล่าว แม้จะแยกทางกับนิโคลไปตั้งแต่ก่อนที่นาตาเลียจะเสียชีวิต เลือกจะปฏิเสธความผิดฐานลักพาตัว ประมาทหรือละเลยเด็ก รวมทั้งทำให้เด็กตกอยู่ในอันตราย ซึ่งคดีของเขามีกำหนดพิจารณาความผิดในวันที่ 30 เมษายน
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก
people.com, nypost.com