
กรณีข่าวใหญ่ที่ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จับกุมพร้อมของกลางจำนวนหลายรายการ อาทิ ซากเสือดำที่ถูกชำแหละ อาวุธปืน และเครื่องกระสุน จนเกิดการตั้งข้อสงสัยจากสังคมว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้นั้น

ทั้งนี้การเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ของกลุ่ม นายเปรมชัย ไม่มีการทำหนังสือขอล่วงหน้า รวมถึงยังเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามของผืนป่า โดยหลังเจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงปืนแล้วเข้าไปตรวจพื้นที่ แจ้งว่านายเปรมชัย ไม่ได้อยู่ในพื้นที่แรกที่มีการล่าสัตว์ มีแต่ลูกน้องนายเปรมชัย ซึ่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาพบนายเปรมชัยอยู่อีกที่หนึ่ง ดังนั้นรูปคดีสาวถึงตัวนายเปรมชัยได้ยาก ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทองผาภูมิ จะเอาจริงแค่ไหน

แหล่งข่าวจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ยอมรับว่า ที่ผ่านมา มักจะมีกลุ่มมหาเศรษฐีชอบเข้าไปล่าสัตว์ในพื้นที่ป่าสมบูรณ์ แต่ระยะหลังรัฐบาลมีมาตรการเอาจริง ทำให้การล่าสัตว์ลดน้อยลง ไม่คิดว่าจะมีผู้กล้าทำอีก เพราะกฎหมายค่อนข้างแรง โดยจะมีแค่กลุ่มผู้มีอิทธิพลเท่านั้นที่ยังเข้าไปได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ตรวจตราเข้มงวด
ขณะเดียวกัน ยังมีการเปิดเผยอีกว่า ที่ผ่านมาเคยมีคนรวยระดับเศรษฐีเป็นถึงประธานบริหารบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง แต่มีไลฟ์สไตล์ชอบล่าสัตว์ โดยเคยนำวัวกระทิงกว่า 100 ตัวไปปล่อยที่เกาะส่วนตัวใน จ.ระยอง ก่อนจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไล่ต้อนยิงวัวกระทิง ซึ่งถือเป็นกีฬาในกลุ่มมหาเศรษฐี และเหตุการณ์นี้มีอดีตบิ๊กตำรวจคนหนึ่งร่วมก๊วนด้วย
ภาพจาก thaipbs, เฟซบุ๊ก คนอนุรักษ์
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก







