หนูน้อย 6 ขวบเฉียดตาย หลังถูกหนึ่งในงูพิษอันตรายที่สุดในแอฟริกา กัดหน้าตอนนอน

          เผยประสบการณ์เฉียดความตาย หนูน้อยวัย 6 ขวบถูกงูพิษร้ายแรง หนึ่งในสายพันธุ์อันตรายที่สุดในแอฟริกา แอบเลื้อยเข้ามากัดหน้าตอนนอน ทีมแพทย์ช่วยรักษาสุดความสามารถ จนรอดชีวิตมาได้ในที่สุด

          เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 เว็บไซต์มิเรอร์ เผยรายงานว่า มิเกย์ลา กรู๊ฟ เด็กหญิงวัย 6 ขวบ ซึ่งอาศัยอยู่ที่เมืองบัลลิโต ในประเทศแอฟริกาใต้ ประสบเหตุร้ายอย่างไม่มีใครคาดฝัน เมื่อเธอถูกงูพิษชนิดร้ายแรง เข้าไปแอบฉกที่บริเวณคางของเธอ ในขณะที่กำลังนอนหลับ เมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยงูพิษดังกล่าว เป็นงูเห่าพ่นพิษโมซัมบิก (Mozambique spitting cobra) ซึ่งถูกพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในงูพิษที่อันตรายที่สุดในแอฟริกา
          ลุดวิก กรู๊ฟ ผู้เป็นพ่อของ มิเกย์ลา ได้ออกมาเปิดเผยถึงเหตุการณ์ร้ายครั้งนี้ว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ในตอนเย็นเขาและ อินจ์ ภรรยา ได้พาลูกสาวไปเข้านอน กระทั่งเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ก็ได้ยินเสียงลูกสาวกรีดร้องดังมาจากห้องนอน เมื่อเปิดประตูเข้าไปดูก็พบว่ามีงูพิษตัวดังกล่าวอยู่ในห้อง ก่อนที่งูพิษร้ายจะพ่นพิษใส่หน้าของภรรยาเขา พิษบางส่วนเข้าไปในดวงตาของเธอ จึงจำเป็นต้องล้างน้ำอย่างเร่งด่วน

          จากนั้น ลุดวิก ได้รีบนำตัวลูกสาวขึ้นรถเพื่อพาไปโรงพยาบาล โดยไม่ลืมคว้าขวดน้ำมาให้ภรรยาได้ใช้ล้างตาของเธอต่อด้วย ระหว่างทางลุดวิก ได้โทรศัพท์ไปยังเพื่อที่ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อแจ้งให้แพทย์เตรียมการช่วยรักษา จากนั้น ดร.เบียนก้า วิสเซอร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาคนไข้ถูกงูพิษกัด ได้ถูกเรียกตัวมาช่วยเหลือ ก่อนต่อมาจะระบุว่า เป็นงูเห่าพ่นพิษโมซัมบิก ซึ่งผู้ป่วยที่ถูกงูพิษดังกล่าวกัดที่หน้านั้นส่วนใหญ่อาการวิกฤต และต้องใช้วิธีการรักษาที่ยากและซับซ้อนมาก

          ลุดวิก เผยว่า มิเกย์ล่าอยู่ในอาการน่าเป็นห่วงมาก เธอทั้งคลื่นไส้และอาเจียน ใบหน้าบวมเป่ง เจ้าหน้าที่แพทย์ช่วยเหลือด้วยการสอดท่อ ก่อนจะให้ยาสเตียรอยด์และอะดรีนาลิน เพื่อให้ร่างกายเตรียมรับเซรุ่มแก้พิษงู โดยมิเกย์ล่าได้รับเซรุ่มแก้พิษงูไปมากถึง 17 โดส ซึ่งผลออกมาในทิศทางที่ดี หลังจากผ่านไป 4 วัน แพทย์สามารถย้ายตัวมิเกย์ล่าจากแผนกฉุกเฉิน ไปยังแผนกรักษาโรคเด็กได้


          จากนั้น ดร.คาเมนเดรียน พาเธอร์ กุมารแพทย์ และ ดร.ไทรชาน พิลเลย์ ศัลยแพทย์ ได้เข้ามารับหน้าที่ดูแลต่อ โดยได้พาตัวมิเกย์ล่าเข้าห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ทั้งหมด 4 ครั้ง ในระยะเวลา 6 วัน เพื่อดำเนินการกำจัดและควบคุมการติดเชื้อ หลังจากนั้นอาการของเธอก็เริ่มดีขึ้นและค่อย ๆ ฟื้นตัว

          ลุดวิก เผยว่า ประมาณ 1 สัปดาห์หลังเกิดเหตุมิเกย์ล่า ก็เริ่มมีอาการดีขึ้น เธอสามารถพูดถึงความตื่นเต้นที่อยากจะไปเข้าโรงเรียนประถมวันแรก ซึ่งเขาและภรรยาตั้งใจจะเล่าเรื่องราวประสบการณ์ครั้งนี้ให้กับลูกสาวฟัง เพราะเชื่อว่าเธอน่าจะโตพอที่จะเข้าใจแล้ว ทั้งนี้ลุดวิก ยังได้เผยว่า มิเกย์ล่า รู้สึกดีใจที่ได้ทราบว่า งูตัวที่กัดเธอนั้นไม่ได้ถูกฆ่าตาย แต่ถูกปล่อยกลับไปสู่ป่า และเธอก็ตั้งชื่อให้กับว่า เจ้าเพิร์ล (ไข่มุก)

          ทั้งนี้ ดร.เบียนก้า วิสเซอร์ ได้ย้ำว่าการรับมือคนไข้ที่ถูกงูพิษกัดที่ดีที่สุดนั้น คือรีบนำพวกเขามารับการรักษา โดยไม่จำเป็นต้องระบุชนิดของงู ดังนั้นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จึงไม่ต้องเสียเวลาหรือเอาตัวเองไปเสี่ยงกับการพยายามจับงูเหล่านั้น

ภาพจาก protothema.gr