เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบจาก คุณ Oaddybeing
โอ๊ะโอ่... เผลอแป๊บเดียว "ลมหนาว" กำลังจะมาเยือนอีกแล้ว หลายๆ คนคงกำลังรอคอยลมหนาวให้พัดผ่านมาอีกครั้งใช่มั้ยล่า... เพราะหน้าหนาวเป็นช่วงที่คนไทยชื่นชอบเอามากๆ อากาศไม่ร้อนมากนัก (จากที่ร้อนสุดๆ กันมาแล้วในหน้าร้อน) ฝนฟ้าก็ไม่มีตกให้ต้องกังวลใจ แถมหลายๆ จังหวัดในเมืองไทย ก็ยังอากาศดี๊ดี...เย็นสบาย น่าไปพักผ่อนตากอากาศยิ่งนัก บางแห่งก็ปกคลุมไปด้วยไอหมอก ซึ่งเป็นบรรยากาศที่น่าเย้ายวนใจเป็นที่สุด
และเมื่อนึกถึงสถานที่ขึ้นชื่อในเรื่องการท่องเที่ยวในไอหมอก เมืองสามหมอกอย่างแม่ฮ่องสอน ก็คงจะเป็นอันดับต้นๆ ที่จะต้องพูดถึง และแน่นอนที่สุด "ปาย" คือเมืองในหมอกที่ใครๆ ก็ใฝ่ฝันถึง ปาย... เมืองเล็กๆ ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขาสูงตระหง่าน เป็นรอยต่อชายแดนไทย - พม่า ฤดูหนาวอากาศเย็นจัด ที่แห่งนี้มักปกคลุมด้วยสายหมอก ละอองน้ำจางๆ ยามเช้า และด้วยวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของผู้คน ทำให้เมือง ปายยังคงความเป็นธรรมชาติ ไว้สูง ความเจริญทางวัตถุยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงที่นี่ได้มากนัก เอกลักษณ์เหล่านี้ดึงดูดนักเดินทางให้มาสัมผัสมนต์เสน่ห์ของเมืองปายได้นักต่อนัก
แน่นอนว่าใครที่ได้มาเยือนเมืองปาย คงอดไม่ได้ที่จะตื่นขึ้นมาสัมผัสไอหมอกตั้งแต่เช้าตรู่ จิบกาแฟหอมกรุ่น พร้อมอาหารเช้าแบบชาวพื้นเมือง หรือถ้าอยากชมบรรยากาศของเมืองก็สามารถเช่าจักรยานขี่เที่ยวชมเมืองได้สบายๆ หรือล่องแก่งแม่น้ำปาย ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ หรือจะเลือกขี่ช้าง เดินป่า ก็ย่อมได้ตามสไตล์ของนักลุยเลยล่ะค่ะ
แต่ถ้าใครอยากท่องเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ แล้วล่ะก็ ที่ปายก็มีตัวเลือกให้คุณๆ เพียบ!! ทั้งสถานที่ทางศาสนาอย่าง "วัดกลาง" ซึ่งภายในวัดมีพระเจดีย์องค์ใหญ่ ศิลปะไทย ใหญ่แท้ ประดิษฐานอยู่กลางลานวัด มีเจดีย์ทรงมอญรายล้อมโดยรอบ ใต้เจดีย์ทำเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวัน เหนือฐานเจดีย์องค์ใหญ่ทำเป็นมณฑปยอดมงกุฎ
"วัดน้ำฮู" อันเป็นที่ประดิษฐานของเจ้าพ่ออุ่นเมือง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ทำด้วยโลหะทองสัมฤทธิ์ พระพุทธรูปองค์นี้พระเศียรกลวง ส่วนบนเปิดปิดได้และมีน้ำขังอยู่ เป็นพระพุทธรูปสิงห์สาม อายุประมาณ 500 ปี เมื่อ พ.ศ. 2515 มีพระธุดงค์จากจังหวัดเชียงใหม่ มานมัสการและสงสัยว่าข้างในพระจะมีน้ำ จึงเปิดดูพบว่ามีน้ำจริงๆ ข่าวนี้แพร่ออกไปก็มีผู้คนหลังไหลมาขอน้ำไปสักการะ พอน้ำในพระเศียรหมดก็จะมีไหลออกมาอีกในลักษณะซึมออกมาตลอดเวลา จึงมีผู้คนหลั่งไหลมาขอน้ำมนต์ไปสักการะอยู่เนืองๆ
หรือหากอยากเที่ยวชมสถานที่ ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ก็มีให้เลือกเต็มไปหมด อาทิ "น้ำตกหมอแปง" ซึ่งสามารถเดินทางโดยรถยนต์ได้สะดวก และมีชาวเขาเผ่ามูเซอแดงอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง บริเวณรอบน้ำตกมีป่ายางร่มรื่น อยู่ห่างจากตัวอำเภอปาย ประมาณ 8 - 9 กิโลเมตร ใกล้กับน้ำตกหมอแปง เป็น "น้ำตกม่วงสร้อย" แต่ทางเข้ายังไม่สะดวกนัก หรือหากอยากเที่ยวน้ำตกสวยๆ ใกล้ๆ เมืองปาย ก็ต้องลองไปเยือน "น้ำตกแม่เย็น" ซึ่งอยู่ที่บ้านแม่เย็น ตำบลแม่ฮี้ ห่างจากอำเภอปายประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดสูง 3 ชั้น และสวยงามที่สุดของอำเภอปายเลยทีเดียว
"เจดีย์พระธาตุแม่เย็น" อยู่ที่บ้านแม่เย็น ตำบลแม่ฮี้ ตามเส้นทางสายแม่ฮ่องสอน - ปาย ตั้งอยู่บนเนินสูง และเมื่อขึ้นไปนมัสการองค์พระธาตุแม่เย็น ก็จะมองเห็นทิวทัศน์ ของอำเภอปายโดยทั่วถึง เรียกว่าเป็นจุดสังเกตของผู้โดยสารเครื่องบิน ว่าเข้าเขตอำเภอปายแล้ว
"น้ำตกผาเสื่อ" ห่างจากตัวเมืองประมาณ 26 กิโลเมตร อยู่เส้นทางเดียวกับปางอุ๋ง เส้นทางเป็นทางลาดยางตลอด น้ำตกแห่งนี้ไหลลงมาจากน้ำตกแม่สะงาในพม่ามี 6 ชั้น และมีน้ำตลอดปีช่วงที่เหมาะสมจะไปท่องเที่ยวคือเดือนกรกฎาคม กันยายน
"กองแลน" ลักษณะเป็นผืนดินที่ถูกกัดเซาะเป็นร่องลึกคล้ายหน้าผาติดต่อกันเป็นบริเวณกว้างประมาณ 5 ไร่เศษ (คล้ายกับแพะเมืองผีของจังหวัดแพร่) สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ทุกฤดูกาล
"โป่งน้ำร้อนเมืองแปง"เป็นบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ ห่างจากอำเภอปายประมาณ 28 กิโลเมตร ใกล้กับหน่วยพิทักษ์และรักษาป่าแม่ปิง เป็นทางลูกรัง อุณหภูมิของน้ำร้อนสูงถึง 95 องศาเซลเซียส และพลุ่งขึ้นเป็นระยะๆ
"อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง" ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 179.5 ตารางกิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาและภูเขาสูงสลับซับซ้อนมีภูเขาที่สูงที่สุดคือดอยช้าง เป็นป่าต้นน้ำลำธาร มีลำห้วยน้อยใหญ่มากมาย มีจุดเด่นที่น่าสนใจ คือ
- "จุดชมวิวบริเวณห้วยน้ำดัง (ดอยกิ่วลม)" ตั้งอยู่ที่ตำบลกึ้ดช้าง อำเภอแม่แตง เป็นที่ตั้งของหน่วยพัฒนาต้นน้ำที่ 2 (ห้วยน้ำดัง) เป็นจุดชมวิวที่สวยงามและมีชื่อเสียงมาก นักท่องเที่ยวจะได้ชมทะเลหมอกในช่วงเช้าตรู่และคอยชมพระอาทิตย์ขึ้นซึ่งงดงามมาก
- "จุดชมวิวดอยช้าง" อยู่ทางเหนือของห้วยน้ำดัง เป็นจุดที่สามารถมองเห็นสภาพธรรมชาติของทิวเขาอันสลับซับซ้อน และทะเลหมอกในยามเช้าตรู่
- "น้ำตกห้วยน้ำดัง" เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำห้วยน้ำดัง มีโขดหินมากมาย มีความสูงประมาณ 50 เมตร กว้าง 10 เมตร เป็นน้ำตกที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่ง
- "โป่งน้ำร้อนท่าปาย" ที่อยู่ในป่าแม่ปายฝั่งซ้ายตอนบนท้องที่ตำบลแม่ฮี้ สภาพของโป่งน้ำร้อนเป็นบ่อน้ำร้อน น้ำกำลังเดือดเป็นฟองๆ และมีหมอกควันปกคลุมพื้นที่ พร้อมทั้งมีน้ำร้อนไหลเรื่อยๆ ทั่วบริเวณกว้าง มีบ่อใหญ่สองบ่อ นอกนั้นมีลักษณะเป็นน้ำผุดบางจุด ความร้อนประมาณ 80 องศาเซลเซียส และรอบๆ โป่งร้อนเป็นไม้สักที่สมบูรณ์มาก ภายในบริเวณอนุญาตให้ตั้งเต็นท์พักแรมได้ แต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งก็เหมาะมากสำหรับขาลุยทั้งหลาย...ใช่ไหมคะ
กิจกรรมแนะนำยามเที่ยวปาย...
ปั่นจักรยานชมเมืองปาย
เส้นทางปั่นจักรยานสาย เชียงใหม่ แม่มาลัย - ปาย เป็นเส้นทางที่ท้าทายนักปั่นเสือภูเขาเป็นอย่างมาก เพราะเส้นทางคดเคี้ยว ปั่นเลาะเลี้ยวไปตามหุบเขา สองข้างทางรายล้อมไปด้วยพืชพรรณไม้และป่าเขาลำเนาไพร โดยนักท่องเที่ยวสามารถนำจักรยานมาเอง หรือถ้าไม่สะดวกที่นี่ก็มีบริการจักรยานให้เช่าค่ะ
นั่งช้างชมไพร
โยกซ้ายที... โยกขวาที... กับการนั่งช้างชมไพร เป็นกิจกรรมที่บริการให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินในการชมธรรมชาติอีกอย่างหนึ่ง ท่านสามารถติดต่อบริการนั่งช้างได้ที่ ปางช้างบ้านท่าปาย ใกล้กับท่าปายสปาแค้มปิ้งรีสอร์ท เป็นเส้นทางเดียวกับการไปน้ำพุร้อนบ้านท่าปาย ค่าบริการนั่งช้าง ชั่วโมงละ 500 บาท นั่งได้สองคนต่อช้าง 1 เชือก
ล่องแก่งแม่น้ำปาย
การล่องแก่งแม่น้ำปาย รวมระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ความยากของแก่งมีตั้งแต่ระดับ 1 - 4 ช่วงฤดูฝนอาจจะถึงระดับ 5 ซึ่งมีความยากมาก และระดับน้ำรุนแรง นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสธรรมชาติที่สวยงามและความสนุกสนานตลอดสายน้ำ เช่น เล่นน้ำตกซู่ซ่า ผจญภัยแช่ตัวในบ่อโคลน (วู้ว) กระโดดหน้าผาสูง ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการล่องแก่ง คือ เดือนมิถุนายน - กุมภาพันธ์ของทุกปี
ล่องแพยาง
อำเภอปาย นับว่าเป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้ริเริ่มกิจกรรมนี้ การล่องแพยางไปตามสายน้ำ เป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเมืองนี้มักจะไม่พลาด โดยส่วนใหญ่โปรแกรมการล่องแก่งจะไปเริ่มที่ลำน้ำของ ในเขต อ.ปางมะผ้า และไปสิ้นสุดที่ลำน้ำปายในพื้นที่ของที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ในระหว่างการล่องแก่งท่านจะได้พบกับความสนุกตื่นเต้น การตั้งแค้มป์ในป่า การแช่โคลนจากบ่อน้ำพุร้อนตามธรรมชาติ เพื่อผิวพรรณเปล่งปลั่ง กิจกรรมการล่องแก่งจะมีในช่วงเดือน ต้นเดือนมิถุนายน กุมภาพันธ์ของปีต่อไปค่ะ
และพลาดไม่ได้หากมีเวลาเหลือ ขอแนะนำให้เดินทางต่อไป...ที่อำเภอปางมะผ้า เพื่อสัมผัสกับ... "ถ้ำน้ำลอด Unseen Thailand" อีกแห่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้...ที่นี่เป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญ โดยพบเครื่องมือเครื่องใช้โบราณในถ้ำ สันนิษฐานได้ว่ามีอายุประมาณ 2,000 ปีมาแล้ว มีลำห้วยชื่อ "น้ำลาง" ไหลลอดภูเขาไปทะลุออกอีกด้านหนึ่ง ทำให้เกิดเป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม ภายในถ้ำมีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ประกอบด้วยห้องโถงใหญ่อีก 3 ห้อง เรียกชื่อต่างๆ กันคือ "ถ้ำเสาหินหลวง" เป็นถ้ำกว้างใหญ่ มีหินงอกหินย้อยสวยงาม
"ถ้ำตุ๊กตา" มีหินงอกเป็นปุ่มปมเล็กๆ คล้ายตุ๊กตาเรียงรายอยู่มากมาย และด้านหนึ่งของผนังถ้ำยังปรากฏภาพเขียนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ถ้ำนี้เป็นถ้ำที่กว้างและยาวที่สุดในถ้ำลอด ถ้ำสุดท้ายอยู่ด้านทางออกคือ "ถ้ำผีแมน" นอกจากมี หินงอกหินย้อยสวยงามแล้ว ยังเป็นที่พบเศษภาชนะดินเผา เมล็ดพืช เครื่องมือหิน ซีกฟันและกระดูกของมนุษย์ รวมทั้ง "โลงผีแมน" อีกด้วย โลงผีแมนนี้มีลักษณะเป็นท่อนไม้ที่ถูกขุดตรงส่วนกลางออกเป็นร่องคล้ายเรือ หรือรางไม้ใส่อาหารให้สัตว์เลี้ยง มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่
ถ้ำน้ำลอดนี้เปิดบริการให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. แต่นักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้าชมเองได้ เนื่องจากภายในถ้ำมืดมาก จึงต้องใช้บริการผู้นำทางพร้อมตะเกียงเจ้าพายุ โดยจะเสียค่าบริการ 100 บาท ต่อผู้นำทาง 1 คน และใช้แพไม้ไผ่ ในการล่องเที่ยวชมถ้ำอีกด้วยค่ะ
บริเวณที่ทำการยังมีบ้านพักไว้บริการ และอนุญาตให้ตั้งเต็นท์พักแรมได้ โดยสามารถติดต่อโดยตรงที่หน่วยบริการภายในสถานศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าถ้ำน้ำลอดได้เลยค่ะ
นอกจากนี้ ในเขตอำเภอปางมะผ้า ยังมีผู้สำรวจพบถ้ำต่างๆ อีกหลายถ้ำ เช่น ถ้ำผาเผือก ถ้ำผาแดง ถ้ำปางคำ ถ้ำน้ำตก ถ้ำซู่ซ่า ถ้ำผามอญ ถ้ำแม่ละนาฯลฯ เนื่องจากถ้ำเหล่านี้ยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ อีกทั้งการเดินทางยากลำบาก ถ้ำบางแห่งมีระยะทางลึกมาก (โดยเฉพาะถ้ำแม่ละนา ที่นักสำรวจถ้ำคาดว่าลึกประมาณ 13 กิโลเมตร) และมีลำธาร บางช่วงอาจต้องว่ายน้ำไป จึงเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยและเสาะแสวงหาธรรมชาติอย่างแท้จริงค่ะ
สำหรับการเดินทางมาปายอาจจะใช้เวลานานสักนิด แต่ก็ไม่ยากเกินไปค่ะ จะขับรถมาเอง หรือโดยสารรถทัวร์ ก็ไม่มีปัญหา ยิ่งเดี๋ยวนี้มีสายการบินราคาถูกไว้ให้บริการ ก็ช่วยย่นระยะเวลาไปได้มากทีเดียวค่ะ
รถโดยสารประจำทาง
จากกรุงเทพฯ
มีรถโดยสารประจำทางปรับอากาศของบริษัทเอกชน ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือหมอชิต 2 ทุกวันๆ ละ 1 เที่ยว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เมืองเหนือยานยนต์โทร. 0-2936-3587-8, 0-2245-4439, 0-2278-5392
จากเชียงใหม่
มีรถโดยสารประจำทางทั้งธรรมดาและปรับอากาศ วิ่งบริการ 2 เส้นทาง คือ
1. สายเชียงใหม่-แม่สะเรียง-แม่ฮ่องสอน มีบริการวันละหลายเที่ยว ตั้งแต่เวลา (ทางหลวงหมายเลข 108) 06.30-21.00 น. ใช้เวลาเดินทางถึงอำเภอ แม่สะเรียง 4 ชั่วโมง ถึงแม่ฮ่องสอน 8 ชั่วโมง
2. สายเชียงใหม่-ปาย-แม่ฮ่องสอน มีบริการวันละหลายเที่ยว ตั้งแต่เวลา (ทางหลวงหมายเลข 107 และ 1095) 07.00-12.30 น. ใช้เวลาในการเดินทาง ประมาณ 6 ชั่วโมงรายละเอียดติดต่อ บริษัท เปรมประชาขนส่ง จำกัด โทร. 0-5361-1318
เครื่องบิน
- บมจ. การบินไทย มีบริการเที่ยวบินระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ทุกวัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1566, 0-2280-0060, 0-2628-2000
- สำนักงานเชียงใหม่ โทร. 0-5321-0043-5, 0-5321-1044-7
- สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทร. 0-5361-1297, 0-5361-1194, 0-5361-1514
โอ๊ะโอ้ว... ไม่เพียงเท่านี้นะคะ หลังจากสนุกสนานเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวปายกันไปแล้ว เราขอแนะนำให้เพื่อน ๆ รู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวอีกที่หนึ่ง ที่ขอบอกว่าน่าเที่ยวไม่แพ้ที่ไหนๆ เลย นั่นคือ... "ปางอุ๋ง" (บ้านรวมไทย) เป็นหมู่บ้านโครงการพระราชดำริปางตอง 2 ในพระบรมราชินูปถัมป์ของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ลักษณะพื้นที่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บนยอดเขาสูง ริมอ่างเก็บน้ำมีแนวสนที่ปลูกเรียงรายอย่างกลมกลืนและสวยงามมากๆ "ปางอุ๋ง" อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 40 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง จุดเด่นของที่นี่คือ... เวิ้งน้ำสายหมอกและใบสน... ชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ส่องแสงสะท้อนผืนน้ำเป็นลำแสงสีทองผ่านแนวสนเขียวขจี ท่ามกลางบึงน้ำขนาดใหญ่และสายหมอก พร้อมอากาศที่หนาวเย็น (จับใจ) เรียกว่างดงามจนถือได้ว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในเมืองไทย แถมยังมีอากาศที่หนาวเย็น หลายคนบอกว่าที่นี่คือสวิสเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย แต่บางคนบอกว่าที่นี่คือนิวซีแลนด์ (ว้าว...)
นอกจากนี้ ปางอุ๋ง ยังมีที่พักไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย นั่นคือ...
- รวมไทยเกสต์เฮาส์ ริมทะเลสาบ มีให้เลือกพัก 4 แบบ คือ เกสต์เฮาส์ขนาดเล็ก และบ้านชนเผ่า ราคา 250 บาท / เกสต์เฮาสขนาดกลาง ราคา 350 บาท / เกสต์เฮาสขนาดใหญ่ ราคา 500 บาท
โทร. 053 - 611244
- บ้านพักของโครงการพระราชดำริ ปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) มีบริการให้เช่าเต็นท์ โทร. 080-847-8456,087-661-8594
- ลุงปาละเกสต์เฮ้าส์ โทร. 08 6916 - 8967 และ 08 4141 2636
การเดินทางไป "ปางอุ๋ง"
แม่ฮ่องสอน ปางอุ๋ง
เดินทางออกจากเมืองแม่ฮ่องสอนไปตามเส้นทาง แม่ฮ่องสอน ปางมะผ้า - ปาย ประมาณ 10 กิโลเมตร จะมีป้ายบอกว่าเลี้ยวซ้ายไป บ้านรวมไทย น้ำตกผาเสื่อ พระตำหนักปางตอง ซึ่งอยู่บนส้นทางเดียวกัน จากนั้นเดินทางขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านน้ำตกผาเสื่อ ผ่านพระตำหนักปางตอง ให้สังเกตุทางแยกซ้ายมือนิดนึงนะคะ เพราะจะมีป้ายเล็กๆ เขียนบอกว่าไป "บ้านรวมไทย" ให้เลี้ยวซ้ายตรงไปเรื่อยๆ เลยค่ะ จนถึงหมู่บ้านห้วยมะเขือส้ม ซึ่งจะมีทางแยกรูปตัว T เลี้ยวขวาตรงแยก ตรงไปเรื่อยๆ ก็จะถึง "บ้านรวมไทย" หรือ "ปางอุ๋ง" นั่นเอง (ง่ายกว่าที่คิดใช่มั้ยล่า...)
กรณีที่ไม่ได้ขับรถไปเอง นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถทัวร์จาก กทม. - แม่ฮ่องสอน จากนั้นก็ไปที่หน้าตลาด ถามหาคิวรถปางอุ๋ง (คนพื้นที่รู้จักกันทุกคนค่ะ) ซึ่งที่นั่นจะมีรถสองแถวประจำทางขึ้นไปยังปางอุ๋ง (บ้านรวมไทย) ไว้คอยให้บริการค่ะ
- เที่ยวไป 9.00 น. และ 14.00 น.
- เที่ยวกลับ 6.00 น. และ 11.00 น.
จากบ้านรวมไทยก็ไปต่อที่ "บ้านรักไทย" อีก 6 กิโลเมตร ที่นี่เป็นแหล่งขายใบชาและผลไม้แช่อิ่มขนาดใหญ่ รับรองมีให้เลือกกันอย่างจุใจแน่นอน (ว้าว... อย่างนี้ไม่ไปไม่ได้แล้ว...)
แล้วเจอกันที่ "ปางอุ๋ง" นะคะ บายๆ ค่า...
รักการท่องเที่ยว อ่านสถานที่ท่องเที่ยว มากมาย คลิกเลยค่ะ