ย้อนกลับไปในปี 2542 หรือเมื่อ 19 ปีก่อน ครอบครัวเวรอนเดินทางออกจากรัฐเทกซัส เพื่อไปเที่ยวพักผ่อนด้วยกันที่รัฐโคโลราโด สหรัฐฯ โดยวางแผนเช่าบังกะโลค้างคืนอยู่ใกล้ ๆ กับหุบเขา จอยขับรถมากับพ่อแม่ของเธอ และลูก ๆ อีก 3 คน ได้แก่ โคลอี้ วัย 7 ขวบ แอนนี่ วัย 5 ขวบ และเอเลียต วัย 3 ขวบ
เมื่อมาถึงที่หมาย จอยและพ่อแม่ของเธอก็ลงจากรถ เพื่อไปจ่ายเงินค่ามัดจำ โดยเด็ก ๆ ยังคงอยู่ในรถ ถึงแม้ว่าจอยจะดับเครื่องและเอากุญแจติดไปด้วยแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเธอจะปล่อยเกียร์ว่างเอาไว้ เพราะทันทีที่ผู้ใหญ่ลงไป รถก็เริ่มเคลื่อนที่ไปข้างหน้าซึ่งเป็นหน้าผาสูงชัน ในวินาทีนั้น สิ่งที่เธอคิดก็คือ เธอต้องช่วยชีวิตลูก ๆ เอาไว้ให้ได้ แม้ต้องแลกด้วยชีวิตตัวเองก็ตาม
จอย และ ลูก ๆ ของเธอ โคลอี้ แอนนี่ และเอเลียต
รถที่ประสบอุบัติเหตุในวันนั้น
จอยถูกรถทับไปทั้งตัว เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก ทุกคนคิดว่าเธอไม่รอดชีวิต แต่พวกเขาคิดผิด จอยรอดชีวิตมาได้ แต่กระดูกสันหลังของเธอหัก ทำให้เธอเป็นอัมพาตตลอดชีวิต จอยต้องใช้เวลานานมากในการพักฟื้นและรักษาตัว คนในครอบครัวก็คอยให้กำลังใจเธอ ทว่าในช่วงนั้น คนที่ควรอยู่เคียงข้างเธอมากที่สุด กลับห่างเหินออกไปทุกที
"แม่คือเพื่อนที่สนิทที่สุด และเป็นก้อนหินที่แข็งแกร่งของพวกเราทุกคน เธอคือแม่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก เธอเคยบอกพวกเราเสมอ ตั้งแต่ตอนที่เรายังเล็ก ๆ ว่า 'เมื่อใดก็ตามที่มีคนมองลูกด้วยสายตาแย่ ๆ เพราะแม่เป็นคนพิการนั่งรถเข็น พวกหนูอย่าเสียใจไปนะ เชิดหน้าเอาไว้และจ้องพวกเขากลับไปเลย' นี่คือสิ่งที่แม่สอนพวกเราค่ะ"
"ตลอดชีวิตของแม่ เธอพบเจอกับเรื่องหนักหนามามากเหลือเกิน แต่เธอสามารถเปลี่ยนช่วงเวลาเลวร้ายให้กลายเป็นความสุขได้ ในปี 2542 เธอช่วยพวกเราให้ได้มีชีวิตอยู่ต่อไป และทุก ๆ วันหลังจากนั้น เธอก็ช่วยสอนให้พวกเรารู้จักคุณค่าของชีวิต พวกเรารักแม่ค่ะ" โคลอี้ ลูกสาวคนโตของจอย กล่าว
ข้อมูลจาก dailymail.co.uk, Chloe Veron