ครอบครัวน้องเมย ยังสู้ ยกหน้าที่ให้ทีมทนาย พ้อทำทุกอย่างจนสุดความสามารถแล้ว


           ครอบครัวน้องเมย ยกหน้าที่ให้ทีมทนายมืออาชีพหาความจริง ชี้ทำเองทุกอย่างจนสุดความสามารถแล้ว ด้านทนายวอนแพทยสภา ดำเนินการเรื่องผลชันสูตรพลิกศพ ขอความจริงบังเกิด

           วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2561 เว็บไซต์เวิร์คพอยท์ทีวี รายงานว่า นายพิเชษฐ-นางสุกัลยา และ น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ พ่อ-แม่ และพี่สาวของ น้องเมย ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ พร้อมด้วยญาติและประชาชนทั่วไป ร่วมกันประกอบพิธีทำบุญเททองหล่อพระพุทธรูปปางมารวิชัย เพื่อถวายวัดวิเวการาม จ.ชลบุรี อุทิศบุญกุศลให้กับน้องเมย

           ครอบครัวของน้องเมย เผยว่า ในเรื่องของคดีนั้นยกให้เป็นหน้าที่ของทีมงานทนายความที่ว่าจ้างมา ซึ่งมีความเป็นมืออาชีพ ที่ผ่านมาครอบครัวได้เดินหน้าหาหลักฐานต่าง ๆ จนสุดความสามารถภายใต้การช่วยนำเสนอข่าวจากสื่อต่าง ๆ หลังจากนี้จึงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ในการหาคำตอบที่ชัดเจนให้กับครอบครัวต่อไป

           ด้านนายสาธิต พูนสวัสดิ์พงศ์ หัวหน้าทีมดูแลงานกฎหมาย เผยว่า เนื่องจากคดีนี้เกิดขึ้นนานแล้ว และความคืบหน้าทางคดีเป็นไปค่อนข้างช้า ในช่วงแรกของเหตุการณ์ประมาณวันที่ 22-23 สิงหาคม 2560 พนักงานอัยการศาลทหาร ได้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่เป็นรุ่นพี่ไปแล้ว และอยู่ระหว่างที่ศาลทหารจะเรียกตัวมาสอบปากคำ ซึ่งตัวจำเลยมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธหรือสารภาพก็ได้ หากสารภาพศาลก็จะตัดสินไปตามคดี หากปฏิเสธศาลก็จะนัดสืบพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งจำเลยก็มีสิทธิ์แต่งตั้งทนายขึ้นสืบพยาน


           นายสาธิต กล่าวอีกว่า ใน พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร ก็มีข้อจำกัดสิทธิของผู้เสียหาย คือ ผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องต่อศาลทหารได้ จะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในอำนาจของศาลทหาร กรณีน้องเมย ผู้เสียหายจริงได้ถึงแก่ความตาย ซึ่ง ป.วิอาญา ไม่สามารถนำไปใช้ได้กับ พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร ดังนั้น แม่จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ายื่นคำร้องการฟ้องต่อศาลทหาร เพื่อเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ จึงทำให้ถูกจำกัดสิทธิในการนำเสนอพยานหลักฐาน เพื่อเข้าสู่สำนวนระหว่างการพิจารณาของศาลทหาร และมีสิทธิ์เพียงให้หลักฐานต่ออัยการศาลทหารเท่านั้น แต่อัยการศาลทหารจะเชื่อหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
 
          นายสาธิต ยังกล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแยกเป็นหลายส่วนของการดำเนินคดี ซึ่งส่วนของคดีอาญาต้องขึ้นศาลทหาร แต่ในส่วนค่าสินไหม ต้องขึ้นศาลพลเรือนหรือศาลปกครอง อีกทั้งคดีนี้มีการตายที่ผิดธรรมชาติ จึงมีการชันสูตรพลิกศพและเข้าใจว่าน่าจะขึ้นศาลยุติธรรม ซึ่งผลของการไต่สวนชันสูตรพลิกศพจะเป็นจุดสำคัญที่นำไปสู่การดำเนินคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้อง แต่เบื้องต้นในชั้นไต่สวน การชันสูตรพลิกศพจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าผู้ตายเสียชีวิตเพราะเหตุใดก่อน


           รายงานข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรนครนายก ได้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร ต่อแม่ของน้องเมย ว่า ได้สอบพยานบุคคลไปแล้ว 28 ปาก แต่ขณะนี้มีประเด็นเกี่ยวกับผลการชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่มีความเห็นทางวิชาการแตกต่างกัน จึงแจ้งว่าอยู่ระหว่างการทำหนังสือถึงเลขาธิการแพทยสภา เพื่อให้ติดต่อไปยังสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย เพื่อจัดหาผู้เชี่ยวชาญเข้ามาให้ความเห็นถึงความต่างทางวิชาการ ของทั้ง 2 สถาบัน

           ทั้งนี้ในมุมมองของตน แพทย์ที่ให้ความเป็นกลางจากสถาบันใดก็ได้ที่จะต้องเข้ามาพิสูจน์ผลการตรวจสอบที่ต่างกันของทั้ง 2 สถาบัน เพื่อให้ได้รับคำยืนยันว่าเป็นการตายผิดธรรมชาติ ทีมทนายต้องการทราบว่าน้องเมยเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด ทางครอบครัวมีความเชื่อตามหลักฐานที่มีอยู่ว่าตายผิดธรรมชาติ ซึ่งต้องใช้ผลทางนิติวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งหนังสือเพิ่มเติมให้กับทางแพทยสภา หลังทราบว่าตำรวจได้ทำหนังสือไปยังแพทยสภาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ ซึ่งหากระยะเวลานานไป ทีมทนายก็มีสิทธิ์ที่จะสอบถามเข้าไปได้ในฐานะตัวแทนของแม่ผู้ตาย เราจะขอความเมตตา ขอให้ความจริงเกิดขึ้น ซึ่งเมื่อผลของความจริงออกมาเช่นไร ผลนั้นจะไปต่อยอดทางคดีเอง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Sukanya Tanyakan

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ครอบครัวน้องเมย ยังสู้ ยกหน้าที่ให้ทีมทนาย พ้อทำทุกอย่างจนสุดความสามารถแล้ว อัปเดตล่าสุด 26 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 13:32:58 3,993 อ่าน
TOP
x close