ย้อนประวัติ พล.ต.อ. สล้าง บุนนาค กับคดีดังคุมทีมจับตาย โจ ด่านช้าง และพวก รวม 6 ศพ ดับคากุญแจมือ
ถือเป็นข่าวที่สร้างความตกใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก กรณี พล.ต.อ. สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ตัดสินใจกระโดดจากชั้น 7 ภายในห้างสรรพสินค้าย่านแจ้งวัฒนะ พร้อมทิ้งจดหมายลาตายเอาไว้ โดยฝากหลายประเด็นถึงเรื่องการคมนาคมไทย ซึ่งเบื้องต้นลูกชายของ พล.ต.อ. สล้าง บุนนาค เผยว่าผู้เป็นพ่อนั้นกำลังป่วยเป็นโรคซึมเศร้า (อ่านข่าว : ลูกชาย พล.ต.อ. สล้าง บุนนาค สุดเศร้า เผยคุณพ่อป่วยเป็นโรคซึมเศร้า)
ประวัติ พล.ต.อ. สล้าง บุนนาค
สำหรับประวัติเบื้องต้นของ พล.ต.อ. สล้าง บุนนาค เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2480 ภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.เมือง จ.ราชบุรี เป็นบุตรของหลวงพินิตพาหนะเวทย์ (พิง) มารดาชื่อ ทองอยู่ (สกุลเดิม ลิมปิทีป) สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รับราชการในกรมตำรวจ ตำแหน่งที่สำคัญ ได้แก่ ผู้บังคับการตำรวจภูธร 12 ผู้บัญชาการศึกษา ผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ และรองอธิบดีกรมตำรวจ ฝ่ายป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ ตามลำดับ
พล.ต.อ. สล้าง บุนนาค กับฉายาเสือใต้และคดีฆาตกรรม โจ ด่านช้าง
พล.ต.อ. สล้าง ถือเป็นอดีตมือปราบที่พัวพันคดีดังและเหตุการณ์การเมืองโชกโชน ได้รับฉายาว่า "เสือใต้" นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงโด่งดังจากคดีสำคัญวิสามัญฆาตกรรมบันลือโลก "โจ ด่านช้าง" และพวกอีก 5 คน เมื่อปี 2539 ที่ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นข่าวโด่งดังอย่างมากในยุคสมัยนั้น
ชนวนของเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดจากกลุ่มคนร้ายชายฉกรรจ์ ซึ่งเป็นแก๊งค้ายา ประกอบด้วย นายศุภฤกษ์ เรือนใจมั่น หรือ โจ ด่านช้าง หัวหน้าแก๊งที่มีอิทธิพลสูงมาก นายสุบิน เรือนใจมั่น น้องชายของโจ ด่านช้าง, นายยิ้ว ปริวัตรสกุลแก้ว, นายปราโมทย์, นายหยัด (ไม่ทราบนามสกุล) และนายประสิทธิ์ โพธิ์หอม รวม 6 คน ใช้รถกระบะ ขนอาวุธสงคราม หวังไปยิงถล่มกลุ่มสมุนที่หักหลังในธุรกิจค้ายาบ้า
โจ ด่านช้าง และพวก ได้บุกบ้านนายอุบล หรือ เล็ก บุญช่วย เลขที่ 64 หมู่ 6 ต.วังพลับ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี แต่ว่านายอุบลไม่อยู่บ้าน ซึ่งต่อมานายอุบล ทราบข่าว จึงได้แจ้งตำรวจ สภ.บางตาเถร ทำให้คนร้ายจับตัวพี่สาวของนายอุบล เป็นตัวประกัน และพายเรือหลบหนีเข้าไปที่บ้านเลขที่ 107/1 หมู่ 5 ต.บางใหญ่ อ.บางปลาม้า โดยเป็นบ้านของชาวบ้าน ซึ่งอยู่ด้วยกัน 3 คน พ่อแม่และลูกสาว โดยผู้เป็นพ่อพิการเป็นอัมพาต ซึ่งระหว่างที่มีการจับตัวประกัน กลุ่มของคนร้ายได้มีการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่เป็นระยะ จนสถานการณ์ตึงเครียดอย่างหนัก
ต่อมา พล.ต.อ. สล้าง บุนนาค รองอธิบดีกรมตำรวจ ได้รีบนั่งเฮลิคอปเตอร์เดินทางลงพื้นที่ไปพร้อมกับ พ.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองปราบปราม เพื่อเข้าคลี่คลายสถานการณ์ เมื่อถึงพื้นที่ จึงสั่งการให้ พ.ต.อ. อัศวิน เดินลุยน้ำเข้าไปเจรจาเกลี้ยกล่อมกับกลุ่มของ โจ ด่านช้าง จนในที่สุด ก็สามารถช่วยเหลือตัวประกันพาลงเรือออกมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนแก๊งคนร้ายยอมมอบตัว และถูกจับใส่กุญแจมือเดินลุยน้ำออกมาพร้อมตำรวจ
อย่างไรก็ดี เมื่อเกือบจะถึงฝั่งปรากฏว่า ตำรวจได้รีบพาคนร้ายทั้งหมดเดินลุยน้ำกลับเข้าไปที่บ้านหลังเดิม ผ่านไปสักระยะหนึ่งก็มีเสียงปืนเกิดขึ้นตามมาหลายนัด ผลที่ตามมาคือคนร้ายทั้งหมดถูกวิสามัญฆาตกรรมในสภาพยังคงสวมกุญแจมือ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างกว้างขวาง ซึ่งหลังเกิดเหตุฝ่ายตำรวจให้การว่า คนร้ายได้ขอให้ตำรวจนำตัวกลับเข้าในบ้านอีกรอบเพื่อค้นหาอาวุธของกลาง แต่ระหว่างค้นหาอาวุธ หนึ่งในคนร้ายได้หยิบปืนที่ซ่อนไว้ขึ้นมาต่อสู้ เจ้าหน้าที่จึงต้อง "จับตาย" ดังกล่าว
หลังเกิดเหตุ นักข่าวมาประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีคนได้ยินข้อความ ในขณะที่ตำรวจพาคนร้ายเดินลุยน้ำออกมาจากบ้านหลังนั้น มีเสียงสบถออกมาว่า "ไอ้.... มึงเอาพวกมันออกมาทำไมวะ" จากนั้น ได้ยินนายตำรวจอีกนายหนึ่ง วิทยุสั่งการไปยังชุดที่เข้าไปจับกุมคนร้ายว่า "นายบอกให้เอาพวกมันกลับไป ไม่ต้องพาออกมา"
การวิสามัญ 6 ศพ กลายเป็นข่าวดังในสมัยนั้น ซึ่งมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนหลายครั้งแต่ก็จบแบบไม่มีคนรับผิด บ้านที่เกิดเหตุถูกสั่งรื้อทำลายหลักฐานโดยคดีนี้ศาลแขวงสุพรรณบุรีได้มีคำตัดสินเมื่อปี 2542 ว่าทางกลุ่มของ โจ ด่านช้าง ถูก 3 นายดาบตำรวจวิสามัญ เนื่องจากมีการนำอาวุธปืนที่ซ่อนไว้ออกมายิงต่อสู้ โดยบิดาของ โจ ด่านช้าง ยอมรับคำตัดสินของศาล คดีจึงสิ้นสุดลง
ภาพจาก สํานักข่าวไทย TNAMCOT
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
, 
, 
