หนุ่มขับกระบะ เปิดใจ หลังโดนสาวขับเบนซ์ตัดหน้า ทั้งที่ไม่มีใบขับขี่ ก่อนโทร. เรียกแฟนมากระทืบเลือดอาบหน้า ยืนยัน กรณีฝั่งเบนซ์อ้าง ที่ทำไปเพราะโดนฝั่งตนล้อมรถ ไม่จริง ชี้พยานเยอะแยะ เชื่อโมโหที่ไม่ช่วยโกหกพนักงานประกันภัยให้มากกว่า
จากกรณีเพจแหม่มโพธิ์ดำ โพสต์ข้อความร้องเรียนของผู้เสียหายคนหนึ่งว่า พี่ชายของเธอถูกสาวขับรถเบนซ์ ไม่มีใบขับขี่ ตัดหน้าจนเกิดการเฉี่ยวชนกัน แต่อีกฝ่ายกะตีเนียนหลอกประกัน แต่พี่ชายเธอไม่ยอมบอกความจริงไป จนฝ่ายสาวขับเบนซ์ไม่พอใจ โทร. เรียกแฟนมากระทืบ จนพี่ชายเธอหัวแตกเย็บ 7 เข็ม ก่อนทิ้งรถไว้แล้วหนีไปนั้น (อ่านข่าว : สาวขับเบนซ์ตัดหน้าชนกระบะ-หลอกประกันว่าอีกคนขับ แต่เหยื่อไม่ยอมเลยถูกตื้บ)
ต่อมาทางเพจแหม่มโพธิ์ดำ ได้โพสต์ภาพบทสนทนาของฝ่ายเบนซ์ว่า ยอมรับว่าผู้หญิงเป็นคนขับจริงและไม่มีใบขับขี่ จึงจะเปลี่ยนให้พี่สาวเป็นคนรับผิด แต่ตอนเกิดเหตุเห็นคู่กรณีเดินลงมาล้อมรถจึงเกิดความกลัว เลยโทรศัพท์เรียกแฟนมาเจรจา แต่ระหว่างที่พูดคุยกันฝ่ายคนขับกระบะ พูดจาก่อกวนจึงบันดาลโทสะ และลงมือก่อเหตุไป
ล่าสุด (3 มีนาคม 2561) รายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ทางช่อง 3 ได้สอบถามไปยังนายประพล แพน้อย ฝั่งคนขับรถกระบะผู้เสียหาย เล่าว่า หลังเกิดเหตุพนักงานประกันภัยได้เดินมาหาตนพร้อมกับถามว่า เห็นหรือไม่ว่าใครเป็นคนขับรถเบนซ์ ตนจึงตอบไปตามความเป็นจริงว่าผู้หญิงขับ แต่เมื่อแฟนหนุ่มของหญิงคนขับรถเบนซ์เดินทางมาถึง ก็ปรี่เข้ามาชกตนทันที จนตนร่วงไปกระแทกกับโต๊ะหินอ่อนบาดเจ็บดังกล่าว จากนั้นก็ขับรถออกไป
อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าเรื่องอุบัติเหตุรถชนกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ทำไมไม่คุยกับตนดี ๆ ซึ่งตนอาจจะไม่เอาเรื่องก็ได้ เพราะตนก็ไม่ได้อยากให้มันปานปลายมาถึงขนาดนี้ และตนยืนยันว่า ที่ฝ่ายคนขับเบนซ์ให้ข้อมูลว่าฝั่งตนไปล้อมรถของเขา ไม่เป็นความจริง มีชาวบ้านเห็นเหตุการณ์เยอะแยะ และมั่นใจว่าแถวนั้นมีกล้องวงจรปิดอีกด้วย อีกทั้งตนเชื่อว่า เหตุที่อีกฝ่ายลงไม้ลงมือกับตน เพราะน่าจะไม่พอใจตนที่ไม่ยอมโกหกพนักงานประกันภัยให้มากกว่า
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ เผยว่า เรื่องดังกล่าวแยกเป็น 2 ประเด็น เรื่องแรกคือเรื่องอุบัติเหตุรถชนกัน หลังเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ของประกันมาจัดการให้เรียบร้อย ส่วนอีกเรื่องคือการทำร้ายร่างกาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ทราบตัวคนก่อเหตุแล้ว โดยมีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุ แต่ทั้งนี้ ต้องรอให้ทางฝั่งคนขับรถกระบะออกจากโรงพยาบาลเสียก่อน จึงจะเรียกมาให้ปากคำพร้อมชี้ตัวยืนยันอีกครั้งต่อไป
ภาพและข้อมูลจาก
เฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ,
