เลขาธิการ ป.ป.ท. ตรวจสอบนิคมสร้างตนเองเขื่อนอุบลรัตน์ พบผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง ถูกโกงเงินเพียบ คาดผู้เกี่ยวข้อง ทำกันมานานหลายปีจนชิน
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2561 เพจเฟซบุ๊กประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ได้โพสต์ข้อมูลว่า พ.ท. กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้เข้าตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปี 2560 ประเภทเงินอุดหนุนเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง ของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (ชุดปฏิบัติการที่ 15) โดยลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีทุจริตการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนสงเคราะห์ ประเภทเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง ของนิคมสร้างตนเองเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น
1. ช่วงปี 2559-2560 ผู้นำชุมชนและประธานกลุ่มชาวบ้าน ได้แจ้งแก่ประชาชนในหมู่บ้านหรือสมาชิกกลุ่มว่า หากต้องการเงินสงเคราะห์ของนิคม ให้ลงลายมือชื่อในแบบสำรวจผู้ประสบปัญหาทางสังคม ใบสำคัญรับเงิน (แบบที่ 5) โดยไม่ต้องกรอกข้อความและจำนวนเงิน รวมทั้งนำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาทะเบียนบ้านพร้อมลงลายมือชื่อ มอบให้แก่ผู้นำหมู่บ้าน หรือประธานกลุ่มอาชีพ นำไปมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ของนิคม เพื่อเบิกจ่ายเงิน โดยชาวบ้านกรอกและมอบเอกสารให้ จำนวน 1-4 ชุด
2. ตรวจสอบพบผู้มีรายชื่อเบิกจ่ายเงินซึ่งไม่ได้รับเงินจากนิคม แต่บางรายถูกนำรายชื่อไปทำการเบิกจ่ายเงิน 4 ครั้ง ในรอบปีงบประมาณ 2560 โดยผู้มีรายชื่อบางส่วนได้รับเงินเพียงบางส่วนเท่านั้น เช่น มีการนำรายชื่อไปทำเอกสารเบิกจ่าย 2-4 ครั้ง แต่ได้รับเงินจริงเพียง 1 ครั้ง เช่น มีรายชื่อเบิกเงินจำนวน 4 ครั้ง ครั้งละ 3,000 บาท ได้รับจริงเพียง 1 ครั้ง และมีบางส่วนไม่เคยได้รับเลยทั้ง 4 ครั้ง (ระเบียบกรมพัฒนาสังคมฯ กำหนดให้การสงเคราะห์ได้ไม่เกิน 3 ครั้งใน 1 ปีงบประมาณ)
3. พบกลุ่มอาชีพทอเสื่อกก หมู่ที่ 13 ต.นาคำ เจ้าหน้าที่นิคมมิได้นำเงินสดมามอบให้ด้วยตนเอง แต่โอนเงินเข้าบัญชีกลุ่มทอเสื่อกก
4. พบรายชื่อบุคคลรายเดียวกันมาทำเรื่องเบิกจ่ายเงินเดือนเดียวกันมากกว่า 1 ครั้ง
5. พบมีการปลอมลายมือชื่อในเอกสารประกอบการเบิกจ่ายใบสำคัญรับเงิน
6. ผู้ได้รับการสงเคราะห์บางรายมีฐานะร่ำรวย ไม่ได้เป็นผู้ยากไร้ และมีความสามารถส่งบุตรไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศได้ บางส่วนเป็นผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัคร หรือสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล
7. ก่อนเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ลงพื้นที่ตรวจสอบ เจ้าหน้าที่นิคมได้โทร. มาซักซ้อมชาวบ้านให้พูดตรงกันว่าได้รับเงินครบถ้วนทุกราย
8. เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2559 มีการเบิกจ่ายเงินเป็นจำนวนกว่า 3,000,000 บาท แต่ในเดือนกรกฎาคม 2560 มีการเบิกจ่ายเงินเพียง 6,000 บาท
"ลักษณะมันเกี่ยวข้องกันไปหมด จะว่าวางแผนมันก็ใช่ คือทำจนชิน ดูรูปแบบการกระทำความผิดแล้ว น่าจะทำกันมานานหลายปี ทั้งนี้มีนิคมทั้งหมด 32 ที่ เราสุ่มดูวันนี้ 2 ที่ ก็พบพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ส่วนอีก 30 นิคม จะเป็นอย่างไร ก็ต้องตรวจสอบต่อ หรืออาจจะต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เพราะส่วนมากผู้ปกครองนิคมจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือข้าราชการผู้มีอำนาจ" พ.ท. กรทิพย์ กล่าว