แก๊งหนุ่มรุมทำร้ายแท็กซี่ เข้ามอบตัวแล้ว รับสำนึกผิด ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ด้านลุงแท็กซี่สอนดึงสติ ทำอะไรอยากให้ใจเย็น ๆ พ่อแม่จะเดือดร้อนตาม เผยให้อภัย เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน
จากกรณีที่โลกออนไลน์ ได้มีการแชร์ภาพ รถแท็กซี่คันหนึ่ง กระจกด้านหลังแตกละเอียดคล้ายถูกของแข็งกระแทกใส่อย่างแรง ส่วน นายปรีดา แสนสุข อายุ 62 ปี คนขับแท็กซี่ นั่งอยู่กับพื้นใกล้ ๆ ในสภาพอ่อนแรง เนื้อตัวโชกไปด้วยเลือด ซึ่งลุงปรีดาเล่าว่า ถูกกลุ่มวัยรุ่นปาหินใส่รถ และถูกรุมทำร้ายอย่างหนัก เหตุไม่พอใจที่ตนบีบแตรขอทาง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2561 บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 867 ซอยด่านสำโรง 50/1 ด่านสำโรง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ (อ่านเพิ่มเติมที่ : สุดเถื่อน ปาหินใส่แท็กซี่ - ซ้อมคนขับจนกรามเคลื่อน เหตุแค่บีบแตรขอทาง)
ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2561 เว็บไซต์ 77 ข่าวเด็ด รายงานว่า หลังเกิดเหตุดังกล่าว พ.ต.อ. เดโช โสสุวรรณากุล ผกก.สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเร่งติดตามล่าตัวผู้ก่อเหตุ โดยพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมี 3 คน คือ นายธนิต มหากำมินทร์ อายุ 33 ปี, นายศิลาวัฒน์ สุมมาตร อายุ 34 ปี และนายนราเศรษฐ์ ถาวรโพธิวัฒน์ อายุ 32 ปี เจ้าหน้าที่จึงติดต่อไปยังญาติของผู้ก่อเหตุกลุ่มนี้ ให้พามามอบตัว
โดยในเวลาประมาณ 17.30 น. ผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน ก็ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา สารภาพว่าทำลงไปเพราะอารมณ์โมโหชั่ววูบ ตอนนี้สำนึกผิดในการกระทำของตนเองแล้ว และอยากขอโทษผู้บาดเจ็บด้วย ทางด้าน ร.ต.อ. จตุพร บุญประสงค์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ ร้อยเวรเจ้าของคดี จึงได้ติดต่อลุงปรีดามาที่โรงพักเพื่อร่วมรับฟังการสอบสวน
นายศิลาวัฒน์ หนึ่งในผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุพวกตนขี่รถจักรยานยนต์กันอยู่กลางถนน รถแท็กซี่ของลุงปรีดาขับตามมาทางเลนซ้าย ได้บีบแตร และกะพริบไฟสูงใส่พวกตน ก่อนจะเร่งเครื่องแซงขึ้นไป ตนและพวกไม่พอใจที่ถูกบีบแตรใส่ จึงพากันขี่รถจักรยานยนต์ตามรถแท็กซี่ไป แล้วล้วงหยิบเงินเหรียญในกระเป๋ากางเกงออกมาปาใส่กระจกหลังของรถแท็กซี่จนแตกทั้งบาน เมื่อลุงปรีดาหยุดรถ พวกตนก็กรูกันไปทำร้าย หลังจากนั้นก็ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีออกมา นายศิลาวัฒน์ กล่าวอีกว่า เมื่อพวกตนทราบว่าคนขับแท็กซี่ที่ถูกรุมทำร้ายเป็นชายสูงอายุ ก็รู้สึกสำนึกผิด และทนแรงกดดันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ไหว จึงได้ติดต่อขอเข้ามอบตัว และนำพวงมาลัยมากราบขอโทษลุงปรีดาด้วย
ด้าน ลุงปรีดา กล่าวว่า ถ้ากลุ่มผู้ก่อเหตุยอมรับผิดและสำนึกในการกระทำของตนเองแล้ว ตนและครอบครัวก็ยินดีให้อภัย ไม่ถือโทษต่อกัน แต่เรื่องคดีก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย ส่วนในเรื่องอื่น ๆ ตนและครอบครัวไม่ติดใจเอาความ เพราะเราก็คนไทยด้วยกัน แต่ทั้งนี้ก็อยากเตือนกลุ่มผู้ก่อเหตุว่า จะทำอะไรก็ให้คิดมาก ๆ ไว้ก่อน เพราะว่าลูกก็ยังเล็กอยู่ ขอให้นึกถึงพ่อแม่ที่อยู่ข้างหลัง ท่านจะเดือดร้อนไปด้วย ไม่มีใครอยากให้ลูกตัวเองติดคุก ส่วนนางบังอร แสนสุข อายุ 55 ปี ภรรยาลุงปรีดา กล่าวว่า ตอนนี้ยังตกใจไม่หาย เพราะเห็นสามีถูกทำร้ายกับตา แต่ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน ตนก็อยากจะฝากเตือนวัยรุ่นสมัยนี้สักหน่อย จะทำอะไรก็ขอให้ใจเย็น ๆ เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้ว ก็เสียไปทั้งหมด ทั้งคนทำร้ายและคนเจ็บ
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ก่อเหตุทั้งสามว่า ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และทำให้เสียทรัพย์ ทั้งนี้ได้บันทึกประวัติผู้ก่อเหตุทั้งหมดเอาไว้ ก่อนจะปล่อยตัวกลับไป หลังจากนี้ก็รอการรวบรวมสำนวนการสอบสวนส่งฟ้องศาล เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
