สมยศ ลั่นผิดหวัง ติดคุก 7 ปี ออกมาก็ยังไม่เจอประชาธิปไตย เตรียมร่วมชุมนุม

          สมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตผู้ต้องหาคดี มาตรา 112 เผยวินาทีแรกที่ออกจากคุก รู้สึกผิดหวังไม่เจอประชาธิปไตย แถมประเทศยังอยู่ใต้อำนาจคำสั่ง คสช. ลั่น เตรียมร่วมชุมนุมทวงคืนการเลือกตั้ง

          จากกรณีนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ผู้ต้องขังในคดีหมิ่นประมาทสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้รับการปล่อยตัวเมื่อเวลา 06.00 น. ของวันนี้ (30 เมษายน 2561) ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังถูกคุมขังในเรือนจำมาเป็นเวลา 7 ปี นั้น (อ่านข่าว : ปล่อยตัว สมยศ พฤกษาเกษมสุข หลังถูกจองจำ 7 ปี คดีมาตรา 112)
          ล่าสุด นายสมยศ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ตนรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย ที่ออกมาแล้วไม่เจอกับประชาธิปไตย ยังอยู่ในบรรยากาศที่ถูกควบคุมโดยคำสั่ง คสช. ซึ่งมีข้อจำกัดการแสดงความคิดเห็นอยู่ โดยหลังจากได้รับอิสรภาพครั้งนี้ ตนจะไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เพราะเห็นว่าเป็นสิทธิและเสรีภาพ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลอย่าเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจ

          โดยตนมองว่าการชุมนุมถือเป็นสีสันประชาธิปไตย จึงอยากให้รัฐบาลเปิดใจกว้าง ไม่ควรขัดขวาง พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการยกเลิกคำสั่ง คสช. เพราะเกรงว่าจะนำไปสู่เหตุการณ์แบบพฤษภาทมิฬ 2535 และพฤษภาคม ปี 2553

          ทั้งนี้ ตนยอมรับว่าการถูกคุมขังมา 7 ปี ถือเป็นความทุกข์ทรมานที่สูญเสียอิสรภาพ ครอบครัว อาชีพ รายได้พังทลาย ต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ ส่วนตัวคิดว่าต้องเดินหน้าทวงคืนความยุติธรรมและทวงคืนประชาธิปไตย เพราะตลอดเวลาที่ถูกคุมขังในเรือนจำ ตนได้พบเห็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น การนอนในเรือนจำมีผ้าห่มเพียง 3 ผืน ตนเคยเรียกร้องไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติแล้ว โดยคณะกรรมการสิทธิฯ เคยชี้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งที่รัฐบาลได้ยกเรื่องสิทธิมนุษยชนมาเป็นวาระแห่งชาติแล้วก็ตาม


          นอกจากนี้ ตนขอสนับสนุนข้อเสนอของพรรคอนาคตใหม่ ที่จะผลักดันให้มีการแก้ไขมาตรา 112 เพราะส่วนตัวได้บทเรียนมามากพอสมควร ทั้งนี้ระหว่างการถูกคุมขังก็ได้พบแกนนำเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ทั้งสองฝ่ายรักใคร่กันดี และมีความคิดที่จะร่วมมือกันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

          ด้าน น.ส.ประกายดาว บุตรสาวนายสมยศ กล่าวว่า รู้สึกเป็นกังวลหากผู้เป็นพ่อต้องไปเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม ตนก็เคารพความคิดของผู้เป็นพ่อและพร้อมให้กำลังใจ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Noppakow Kongsuwan
ข้อมูลจาก