
ภาพจาก AFP
ย้อนดูวันนี้ในอดีต 6 พฤษภาคม 1954 โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ สร้างสถิติ
วิ่ง 1 ไมล์ภายในเวลา 4 นาที เป็นคนแรกของโลก ความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์
ที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั้งโลก
เป็นเวลานานกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว ที่โลกได้จารึกช่วงเวลาสำคัญครั้
งประวัติศาสตร์ เมื่อ
โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ (Roger Bannister) นักศึกษาแพทย์คนหนึ่ง สามารถเอาชนะตั
วเองและทลายกำแพงความเชื่อที่
เคยมี ด้วยการทำสถิติวิ่งในระยะทาง 1 ไมล์ ในเวลาไม่ถึง 4 นาที เป็นคนแรกของโลก ทั้งที่ไม่ว่าใครก็ตามในยุคนั้
นต่างเห็นพ้องว่าเป็นเรื่องที่
เป็นไปไม่ได้ และแม้จะมีนักวิ่งสักกี่คนที่
พยายามก้าวข้ามกำแพง 4 นาทีนี้ ก็ยังไม่เคยมีใครทำสำเร็จมาก่
อน

ภาพจาก CARL DE SOUZA / AFP
สำหรับ โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ เขาเป็นนักกรีฑามือสมัครเล่นชาวอังกฤษ ที่นอกจากจะมีความสามารถด้านการวิ่งที่โดดเด่น ถึงขนาดเคยเป็นตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ เมื่อปี 1952 แล้ว เขายังเป็นนักศึกษาแพทย์ที่ทุ่มเทศึกษาศาสตร์ด้านประสาทวิทยาอีกด้วย ซึ่งด้วยเหตุนี้เองทำให้เขามีเวลาซ้อมวิ่งจำกัดแค่วันละประมาณ 30 นาทีเท่านั้น ก่อนการลงสนามนัดสำคัญของเขา

ภาพจาก AFP
จนกระทั่งวันที่ 6 พฤษภาคม 1954 โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ ก็ได้กลับมาลงสนามประลองความเร็วอีกครั้ง ที่ลานสนามหน้ามหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด
หรือ Iffley Road Track ในเมืองออกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ
เขามุ่งมั่นที่จะเอาชนะการวิ่ง 1 ไมล์ ภายในเวลา 4 นาที
ซึ่งในตอนนั้นไม่ว่าใครต่างคาดไม่ถึงเลยว่า นักศึกษาผู้ที่มีข้อจำกัดด้านการซ้อมอย่างเขาคนนี้ จะสามารถทำมันได้สำเร็จ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ได้พิสูจน์ให้ทุกสายตาประจักษ์แล้วว่า
"คำว่าเป็นไปไม่ได้นั้น ไม่มีอยู่จริง"
![Roger Bannister Roger Bannister]()
ภาพจาก AFP
โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ เอาชนะกำแพง 4 นาทีนั้นได้ สถิติในการวิ่งของเขาครั้งนั้นคือ 3 นาที 59.4 วินาที ตัวเลขนี้ได้กลายมาเป็นเลขพลิกประวัติศาสตร์วงการกีฬา ทั้งยังกลายเป็นสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลก และแม้ว่าเขาจะถือครองสถิตินั้นได้เพียง
46 วัน ก่อนจะถูกทำลายสถิติโดย จอห์น แลนดี้ (John Landy)
นักวิ่งชาวออสเตรเลีย แต่ถึงอย่างไร โรเจอร์ แบนนิสเตอร์
ก็ยังได้รับการยกย่องในฐานะบุคคลสำคัญของแวดวงกีฬา ตลอดช่วงอายุที่เหลือของเขา
![Roger Bannister Roger Bannister]()
ภาพจาก LEON NEAL / AFP
ทั้งนี้ โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ ได้เกษียณตัวเองออกจากการวิ่งแข่งขันในช่วงไม่กี่เดือนหลังความสำเร็จครั้งนั้น และอุทิศชีวิตให้กับวงการแพทย์ กระทั่งช่วงบั้นปลายของชีวิตเขาก็ต้องเผชิญกับโรคพาร์กินสัน ก่อนจะจากโลกนี้ไปในวัย 88 ปี เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2018 ท่ามกลางผู้คนที่เขารัก พร้อมทิ้งมรดกแห่งแรงบันดาลใจจากการวิ่งครั้งสำคัญของเขา ให้ยังเป็นที่พูดถึงและเตือนใจชาวโลกต่อไป
ข้อมูลจาก
history.com,
theguardian.com,
telegraph.co.uk,
nytimes.com