x close

ฟังความจากครอบครัวหัวร้อน ยันที่ทำเพราะชุลมุน - แม่อ้างจบนิติศาสตร์ มธ.



ต่อยตำรวจ

          ครอบครัวหัวร้อน ยันลูกถูกต่อยตา 3 ที พ่อโดนต่อยท้อง แม่โดนผลัก ชี้คลิปเก่าไม่ได้ทะเลาะตำรวจ แค่มีเรื่องกับคู่กรณี ด้าน อส.จราจร เผยคนแม่โวจบนิติศาสตร์ อ้างข้อกฎหมายไม่ยอมให้จับตัว

          จากกรณีข่าวครอบครัวโจ๋หัวร้อนที่มาบตาพุด จ.ระยอง มีปากเสียงกับตำรวจจนถึงขั้นทำร้ายร่างกาย นั้น ต่อมาทางผู้เป็นลูกชายเผยว่าตำรวจทำร้ายแม่ก่อน ทั้งบีบคอ ทั้งปิดประตูใส่ จึงบันดาลโทสะ ซัดตำรวจลงคลิปไม่หมด ฝ่ายตนมีคลิปตั้งแต่ต้น แต่ยังไม่ขอเปิดเผย โดยได้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานแล้ว แต่ผู้เป็นพ่อและแม่ต่างปฏิเสธข้อกล่าวหา [อ่านข่าว : คดีพลิก โจ๋กร่าง ชี้ที่ปรี๊ด เพราะแม่โดนบีบคอต่อหน้าต่อตา บอกตำรวจลงคลิปไม่หมด คลิก]
ต่อยตำรวจ

          เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 12 พฤษภาคม 2561 พ.ต.อ. อรรฆพงษ์​ สุนทรวิภาค ผกก.สภ.มาบตาพุด เปิดเผยว่า การดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ตำรวจ สภ.มาบตาพุด ดำเนินการในทุกข้อหา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานจากผู้เห็นเหตุการณ์และในคลิปทั้งหมด เพื่อเอาผิดผู้ร่วมก่อเหตุทั้งหมดมาดำเนินคดี เบื้องต้นมี 2 คน ที่เห็นชัดเจน วันนี้จึงให้มารับทราบข้อกล่าวหา โดยพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติและปล่อยตัว

          พ.ต.อ. อรรฆพงษ์ ระบุว่า ขอให้ประชาชนเห็นใจตำรวจ จะเห็นว่าตำรวจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนอดกลั้น และยืนยันว่า ร.ต.อ. วิทยา วุฒิพันธ์ รองสารวัตร (จราจร) ที่ได้รับบาดเจ็บเป็นตำรวจน้ำดีและได้ทำหน้าที่อย่างถูกต้อง

ต่อยตำรวจ

          ด้าน น.ส.หทัยรัตน์ สมถวิล กล่าวว่า ฝ่ายตำรวจมีคลิป ตนก็มีเหมือนกัน ตนยืนยันว่าไม่ได้ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน แต่เป็นเพราะตำรวจมาผลักตนก่อนจึงโมโห อีกทั้งลูกทำไปเพราะปกป้องแม่ ตนเห็นลูกถูกตำรวจล็อกคอ และมีตำรวจอีกนายหนึ่งต่อยไปที่เบ้าตาลูก 3 ครั้ง จนตาปิด แฟนก็โดนต่อยท้องไป 3 ที

ต่อยตำรวจ

          ด้าน เยาวชนอายุ 18 ปี ผู้เป็นลูกชาย ที่เป็นผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ร.ต.อ. วิทยา เปิดเผยว่า ตนไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายตำรวจแต่อย่างใด ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดจากตำรวจใช้มือผลักแม่หลายครั้ง ทั้งที่แม่บอกว่ากำลังท้องแต่ตำรวจยังไม่หยุดทำให้บันดาลโทสะ และเดินเข้าไปต่อว่าตำรวจ จนเกิดความชุลมุนและมือตนได้ไปถูกใบหน้าของ ร.ต.อ. วิทยา ดังกล่าว

ต่อยตำรวจ

          สำหรับคลิปที่มีการเผยแพร่ว่าครอบครัวตนเคยมีพฤติกรรมทะเลาะกับตำรวจนั้น เป็นเรื่องตั้งแต่ 3 ปีก่อน ตนขอวอนสังคมว่าอย่าตัดสินครอบครัวจากคลิป ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นที่ จ.นนทบุรี แต่ครั้งนั้นไม่ได้มีเรื่องกับตำรวจ แต่เป็นเพราะถูกคู่กรณีขับรถยนต์ปาดหน้า และคู่กรณีไปแจ้งตำรวจว่า ถูกครอบครัวของตนขับรถยนต์ไล่ทำร้ายจากสาเหตุขับรถปาดหน้ากัน แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใด

ต่อยตำรวจ

          ด้าน นายพยอม แสงวันดี ผู้เป็นพ่อ ยอมรับว่า ขณะเกิดเหตุครอบครัวตนใช้คำไม่สุภาพกับตำรวจจริง ส่วนกรณีลูกชายทำร้าย ร.ต.อ. วิทยา นั้น เนื่องจากตำรวจได้ทำร้ายร่างกายแม่ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ จึงได้เข้าไปช่วยเหลือ แต่เนื่องจากเหตุการณ์ชุลมุน จึงทำให้ลูกชายตนถูกดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่

ต่อยตำรวจ

          ขณะที่ นายยุทธศักดิ์ เนตรเหมือนทิพย์ อาสาจราจร สภ.บางศรีเมือง ผู้อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า คลิปดังกล่าวเป็นคลิปเก่าเหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2560 ในขณะที่ตนกำลังช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกการจราจรในซอยท่าอิฐ ก็ได้รับแจ้งว่ามีรถขับปาดหน้ากัน ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปจัดการ ซึ่งตนก็เดินทางไปพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าครอบครัวพ่อ, แม่, ลูกชาย และหญิงวัยรุ่นอีกรายกำลังด่าทอคู่กรณี

          จากการสอบถามทราบว่า ครอบครัวดังกล่าว ขับรถกระบะเข้ามาในซอยโดยได้ปาดหน้ารถเก๋งของคู่กรณี เมื่อรถเก๋งบีบแตร ลูกชายซึ่งนั่งท้ายกระบะได้ยกเท้าใส่จนเกิดการถกเถียงกัน ซึ่งทางคู่กรณีได้ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาไกล่เกลี่ย โดยทางฝ่ายผู้หญิง ซึ่งเป็นแม่อ้างตัวว่าเรียนจบนิติศาสตร์มา ทราบข้อกฎหมายไม่ยอมให้จับตัว ส่วนคนอื่น ๆ ก็โวยวายเสียงดัง ข่มขู่คู่กรณี แต่ไม่ได้ด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจ

          โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามห้ามปราม แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุและโวยวายมากขึ้น จนเจ้าหน้าที่ไม่อยากให้เรื่องบานปลาย จึงแนะนำให้คู่กรณีไปลงบันทึกประจำวันและเดินออกมา แต่ฝ่ายครอบครัวดังกล่าวก็เดินตามคู่กรณีมา โดยอ้างว่าคู่กรณีเอามือไขว้หลังคล้ายจะชักปืนออกมา ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามห้ามแต่ก็กล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าข้างคู่กรณี

ต่อยตำรวจ

ต่อยตำรวจ

ต่อยตำรวจ



ภาพและข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ฟังความจากครอบครัวหัวร้อน ยันที่ทำเพราะชุลมุน - แม่อ้างจบนิติศาสตร์ มธ. อัปเดตล่าสุด 15 พฤษภาคม 2561 เวลา 17:45:51 104,239 อ่าน
TOP