พระชั้นผู้ใหญ่คดีทุจริตเงินทอนวัด มั่วสีกา มีสัมพันธ์ชู้สาวกับหมอนวดแผนโบราณ เรียกตัวเองว่า "เฮีย" ตั้งเงินเดือนให้ ส่งเรียนเสริมสวย มีเพศสัมพันธ์ในกุฏิวัด แถมเล่นเซ็กส์โฟน
![เงินทอนวัด]( "เงินทอนวัด")
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวพระเถระชั้นผู้ใหญ่ รวม 5 รูป ไปฝากขังผลัดแรก โดยศาลมีคำสั่งให้สึกจากความเป็นพระ หลังพบมีเอี่ยวคดีทุจริตเงินทอนวัด ขณะที่อีก 2 ผู้ต้องหา คือ พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และ พระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ยังหลบหนีอยู่นั้น (อ่านข่าว : จับสึกหมด 5 พระชั้นผู้ใหญ่ พร้อมฝากขังผลัดแรก ปมเอี่ยวฟอกเงินคดีเงินทอนวัด)
ล่าสุด (26 พฤษภาคม 2561) ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวพระสงฆ์ทั้งหมดมีการยักยอกถ่ายเทเงินที่ทุจริตมาจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ไปยังโยมผู้หญิงทั้งสิ้น โดยการสืบสวนในเชิงลึกของชุดสืบสวนกองปราบปราม ยังพบว่า พระผู้ใหญ่บางรูปที่ถูกออกหมายจับนั้น มีพฤติกรรมเสพเมถุน และมีพระผู้ใหญ่รูปหนึ่งที่ถูกออกหมายจับครั้งล่าสุด มีพฤติกรรมเสพเมถุนเข้าข่ายอาบัติปาราชิกด้วย
เนื่องจากมีความใกล้ชิดกับสีกาคนหนึ่ง อายุประมาณ 50 ปี ชุดสืบสวนจึงเชิญตัวมาสอบปากคำพร้อมกับบันทึกคำให้การเป็นหลักฐาน โดยหญิงคนดังกล่าว ให้การว่า เมื่อ 2-3 ปีก่อน ตนประกอบอาชีพเป็นหมอนวดแผนโบราณในสถานบริการแห่งหนึ่ง จากนั้นได้มีพนักงานแนะนำให้รู้จักกับพระผู้ใหญ่รูปดังกล่าว ตอนนั้นตนไม่ทราบว่าเป็นพระ เนื่องจากสวมชุดซาฟารีและสวมหมวกแก๊ปเข้ามาสถานบริการ ทั้งยังเรียกแทนตัวเองว่า "เฮีย" จากนั้นก็ได้เข้ามานวดอีกหลายครั้งต่อเนื่องในช่วงกลางคืน และได้ขอมีเพศสัมพันธ์กับตนในสถานบริการ เพื่อแลกกับเงิน 30,000 บาท ซึ่งตนก็ยินยอม เพราะครอบครัวมีปัญหา เนื่องจากถูกสามีทิ้ง และลูกชายก็เป็นเด็กพิการ
![พระเงินทอนวัด]( "พระเงินทอนวัด")
หมอนวดคนดังกล่าว ยังบอกอีกว่า หลังการมีเพศสัมพันธ์กันแต่ละครั้ง พระผู้ใหญ่รูปนี้จะจ่ายเงินตอบแทนให้ครั้งละ 20,000-30,000 บาท จนช่วงหลังเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของ "เฮีย" เพราะการมาพบกันแต่ละครั้ง จะหลบ ๆ ซ่อน ๆ กระทั่งวันหนึ่งพระผู้ใหญ่รูปดังกล่าวก็ยอมบอกว่า ตัวเองเป็นพระสงฆ์แต่แอบออกจากวัดมา ทำให้ตนตกใจมาก แต่พระผู้ใหญ่รูปนี้ก็เสนอเงินเดือนให้ แลกกับการไม่ต้องทำอาชีพหมอนวด โดยจ่ายให้เดือนละ 30,000 บาท รวมถึงยังได้ส่งไปเรียนเสริมสวย และเปิดร้านเสริมสวยให้ด้วย
ขณะที่ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ไปยังโรงเรียนเสริมสวยที่หมอนวดดังกล่าวอ้างถึง ก็พบว่ามีชื่อเคยเรียนอยู่จริงตรงกับคำให้การทุกอย่าง ทั้งนี้ หมอนวดคนดังกล่าวระหว่างให้การได้ร้องไห้ตลอดเวลา พร้อมเปิดเผยอีกว่า หลังจากเข้าเรียนที่โรงเรียนเสริมสวยแล้ว พระผู้ใหญ่รูปนี้ก็ให้ลูกศิษย์ชายคนสนิทพาไปพบในกุฏิวัด โดยก่อนเข้าจะดูลาดเลาในช่วงที่ไม่มีใครเห็นหลายครั้ง ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน โดยในแต่ละวันที่เข้าไปพบพระผู้ใหญ่รูปนี้ จะให้บีบนวดก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์กันภายในวัด
โดยยอมรับว่าตนรู้สึกละอายใจมาก แต่ก็รู้สึกว่าหลวมตัวไปแล้ว และรู้สึกชอบพอกับพระผู้ใหญ่รูปดังกล่าว ทั้งมีความจำเป็นต้องใช้เงินเลี้ยงดูลูกพิการ แม้ว่าบางครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กันนั้น ทางวัดจะมีการจัดกิจกรรมเดินจงกรมหรือนั่งสมาธิอยู่ก็ตาม สำหรับบางวันที่ตนไม่ได้เข้าไปหา พระรูปดังกล่าวก็จะโทรศัพท์มาพูดชักชวนให้เล่นเซ็กส์โฟนด้วย ซึ่งตนก็ทำตาม อย่างไรก็ตาม ปีที่ผ่านมาพระผู้ใหญ่รูปนี้ ได้พยายามตีตัวออกห่างและหลบหน้า ต่อมาจึงรู้ว่าไปมีหญิงอื่นและมีหลายคนด้วย แต่ก็ยังติดต่อกันบ้างตามโอกาส
นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังรายงานอีกว่า มีพระผู้ใหญ่อีก 2 รูป ที่ถูกออกหมายจับในครั้งนี้ มีความสนิทสนมกับสีกามากเกินความจำเป็น เช่น พระรูปหนึ่งมีการเดินทางไปต่างประเทศด้วยกันปีละ 10 กว่าครั้ง แม้ว่าจะมีบุคคลอื่นติดตามไปด้วย แต่เมื่อตรวจสอบที่นั่งโดยสารย้อนหลังแล้วพบว่านั่งเคียงข้างกันเสมอ และยังมีการพบกันสองต่อสองในยามวิกาล ขณะที่พระผู้ใหญ่อีกรูปหนึ่ง ก็มีการเดินทางไปไหนมาไหนด้วยกันกับสีการูปงาม อดีตข้าราชการท้องถิ่นคนหนึ่ง และยังพบกันตอนกลางคืนหรืออยู่ด้วยกันสองต่อสองเสมอ
ทั้งนี้ ยังมีรายงานอีกว่า จากการเข้าตรวจค้นกุฏิพระผู้ใหญ่หลังหนึ่งที่ถูกออกหมายจับ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นั้น พบแผ่นวีซีดีหนังลามกอนาจารซุกซ่อนอยู่ในกุฏิด้วย แต่การที่จะจับพระสึกจากสมณเพศโดยการกระทำผิด เนื่องจากประพฤติอาบัติปาราชิก จะต้องจับขณะที่พระสงฆ์กำลังเสพสังวาส ซึ่งเป็นเรื่องยากเพราะเป็นเรื่องของการสมยอมระหว่างคนสองคน
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยาน และบันทึกหลักฐานทั้งหมดไว้แล้ว และอาจมีการส่งประกอบสำนวนให้กับพนักงานอัยการ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการตรวจสำนวนสักระยะ
ภาพจาก amarintv
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ล่าสุด (26 พฤษภาคม 2561) ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวพระสงฆ์ทั้งหมดมีการยักยอกถ่ายเทเงินที่ทุจริตมาจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ไปยังโยมผู้หญิงทั้งสิ้น โดยการสืบสวนในเชิงลึกของชุดสืบสวนกองปราบปราม ยังพบว่า พระผู้ใหญ่บางรูปที่ถูกออกหมายจับนั้น มีพฤติกรรมเสพเมถุน และมีพระผู้ใหญ่รูปหนึ่งที่ถูกออกหมายจับครั้งล่าสุด มีพฤติกรรมเสพเมถุนเข้าข่ายอาบัติปาราชิกด้วย
เนื่องจากมีความใกล้ชิดกับสีกาคนหนึ่ง อายุประมาณ 50 ปี ชุดสืบสวนจึงเชิญตัวมาสอบปากคำพร้อมกับบันทึกคำให้การเป็นหลักฐาน โดยหญิงคนดังกล่าว ให้การว่า เมื่อ 2-3 ปีก่อน ตนประกอบอาชีพเป็นหมอนวดแผนโบราณในสถานบริการแห่งหนึ่ง จากนั้นได้มีพนักงานแนะนำให้รู้จักกับพระผู้ใหญ่รูปดังกล่าว ตอนนั้นตนไม่ทราบว่าเป็นพระ เนื่องจากสวมชุดซาฟารีและสวมหมวกแก๊ปเข้ามาสถานบริการ ทั้งยังเรียกแทนตัวเองว่า "เฮีย" จากนั้นก็ได้เข้ามานวดอีกหลายครั้งต่อเนื่องในช่วงกลางคืน และได้ขอมีเพศสัมพันธ์กับตนในสถานบริการ เพื่อแลกกับเงิน 30,000 บาท ซึ่งตนก็ยินยอม เพราะครอบครัวมีปัญหา เนื่องจากถูกสามีทิ้ง และลูกชายก็เป็นเด็กพิการ
ขณะที่ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ไปยังโรงเรียนเสริมสวยที่หมอนวดดังกล่าวอ้างถึง ก็พบว่ามีชื่อเคยเรียนอยู่จริงตรงกับคำให้การทุกอย่าง ทั้งนี้ หมอนวดคนดังกล่าวระหว่างให้การได้ร้องไห้ตลอดเวลา พร้อมเปิดเผยอีกว่า หลังจากเข้าเรียนที่โรงเรียนเสริมสวยแล้ว พระผู้ใหญ่รูปนี้ก็ให้ลูกศิษย์ชายคนสนิทพาไปพบในกุฏิวัด โดยก่อนเข้าจะดูลาดเลาในช่วงที่ไม่มีใครเห็นหลายครั้ง ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน โดยในแต่ละวันที่เข้าไปพบพระผู้ใหญ่รูปนี้ จะให้บีบนวดก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์กันภายในวัด
โดยยอมรับว่าตนรู้สึกละอายใจมาก แต่ก็รู้สึกว่าหลวมตัวไปแล้ว และรู้สึกชอบพอกับพระผู้ใหญ่รูปดังกล่าว ทั้งมีความจำเป็นต้องใช้เงินเลี้ยงดูลูกพิการ แม้ว่าบางครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กันนั้น ทางวัดจะมีการจัดกิจกรรมเดินจงกรมหรือนั่งสมาธิอยู่ก็ตาม สำหรับบางวันที่ตนไม่ได้เข้าไปหา พระรูปดังกล่าวก็จะโทรศัพท์มาพูดชักชวนให้เล่นเซ็กส์โฟนด้วย ซึ่งตนก็ทำตาม อย่างไรก็ตาม ปีที่ผ่านมาพระผู้ใหญ่รูปนี้ ได้พยายามตีตัวออกห่างและหลบหน้า ต่อมาจึงรู้ว่าไปมีหญิงอื่นและมีหลายคนด้วย แต่ก็ยังติดต่อกันบ้างตามโอกาส
นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังรายงานอีกว่า มีพระผู้ใหญ่อีก 2 รูป ที่ถูกออกหมายจับในครั้งนี้ มีความสนิทสนมกับสีกามากเกินความจำเป็น เช่น พระรูปหนึ่งมีการเดินทางไปต่างประเทศด้วยกันปีละ 10 กว่าครั้ง แม้ว่าจะมีบุคคลอื่นติดตามไปด้วย แต่เมื่อตรวจสอบที่นั่งโดยสารย้อนหลังแล้วพบว่านั่งเคียงข้างกันเสมอ และยังมีการพบกันสองต่อสองในยามวิกาล ขณะที่พระผู้ใหญ่อีกรูปหนึ่ง ก็มีการเดินทางไปไหนมาไหนด้วยกันกับสีการูปงาม อดีตข้าราชการท้องถิ่นคนหนึ่ง และยังพบกันตอนกลางคืนหรืออยู่ด้วยกันสองต่อสองเสมอ
ทั้งนี้ ยังมีรายงานอีกว่า จากการเข้าตรวจค้นกุฏิพระผู้ใหญ่หลังหนึ่งที่ถูกออกหมายจับ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นั้น พบแผ่นวีซีดีหนังลามกอนาจารซุกซ่อนอยู่ในกุฏิด้วย แต่การที่จะจับพระสึกจากสมณเพศโดยการกระทำผิด เนื่องจากประพฤติอาบัติปาราชิก จะต้องจับขณะที่พระสงฆ์กำลังเสพสังวาส ซึ่งเป็นเรื่องยากเพราะเป็นเรื่องของการสมยอมระหว่างคนสองคน
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยาน และบันทึกหลักฐานทั้งหมดไว้แล้ว และอาจมีการส่งประกอบสำนวนให้กับพนักงานอัยการ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการตรวจสำนวนสักระยะ
ภาพจาก amarintv
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
