ศาลยกคำร้องขอประกันตัว 5 อดีตพระผู้ใหญ่ เงินทอนวัด หวั่นทำลายพยานหลักฐาน

ศาลอุทธรณ์ยกคำร้องขอประกันตัว อดีตพระผู้ใหญ่ 5 รูป ในคดีเงินทอนวัด เหตุอัตราโทษสูง มีผลกระทบต่อพุทธศาสนา และเกรงเข้าไปยุ่งเกี่ยวพยานหลักฐาน

จากกรณี อดีตพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป ได้แก่ พระศรีคุณาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร, พระครูสิริวิหารการสมจิตร จันทร์ศรี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร, พระวิจิตรธรรมาภรณ์ หรือ เจ้าคุณเทอด ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร, พระอรรถกิจโสภณ เลขาเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร วัดสามพระยาวรวิหาร และ พระพรหมดิลก หรือ เอื้อน หาสธมฺโม เจ้าอาวาสวัดสามพระยาวรวิหาร กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ถูกจับกุมในคดีร่วมกันฟอกเงิน ทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม รวมกว่า 150 ล้านบาท แต่ได้มอบอำนาจให้ทนายความยื่นขอประกันตัวนั้น (อ่านเพิ่มเติมที่ : จับสึกหมด 5 พระชั้นผู้ใหญ่ พร้อมฝากขังผลัดแรก ปมเอี่ยวฟอกเงินคดีเงินทอนวัด)

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2561 เว็บไซต์ทีนิวส์ รายงานว่า ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ให้ยกคำร้องขอประกันตัวอดีตพระผู้ใหญ่ทั้ง 5 รูป เนื่องจากเล็งเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์การกระทำความผิด มีผลกระทบต่อพุทธศาสนา อีกทั้งกระทำเป็นขบวนการ และแบ่งหน้าที่กันยักย้ายเงินผ่านทางธนาคาร ดังนั้นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จึงน่าจะอยู่ในความครอบครองของกลุ่มผู้ต้องหาและพวก หากให้ปล่อยชั่วคราว เชื่อว่าผู้ต้องหาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน จนเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสืบสวนสอบสวนของเจ้าพนักงานได้

ดังนั้น อดีตพระผู้ใหญ่ทั้ง 5 รูป จึงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครต่อไป แต่สามารถใช้สิทธิตามกฎหมาย ยื่นคำร้องขอประกันตัวใหม่ต่อศาลอาญา หรือยื่นอุทธรณ์การประกันตัวต่อศาลอุทธรณ์ได้ตลอดช่วงระยะฝากขัง 7 ผลัด รวม 84 วัน โดยคดีนี้จะครบกำหนดฝากขังครั้งแรกในวันที่ 4 มิถุนายน ทั้งนี้หากพนักงานยังสอบสวนไม่เสร็จสิ้น จนไม่สามารถสรุปสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาฟ้อง หรือไม่ฟ้อง ได้ทันเวลา เจ้าหน้าที่ก็จะต้องยื่นฝากขังต่อไป จนกระทั่งสิ้นสุดเหตุจำเป็น หรือทำสำนวนเสร็จสิ้น

ภาพจาก

ข้อมูลจาก