กรมอุทยานฯ ต้องชดใช้เงินชาวกะเหรี่ยงรายละ 5 หมื่น หลังเผ่าไล่ที่ ด้านปู่คออี้ มีมิ และพวก ถูกตัดสินไม่มีสิทธิ์กลับไปอยู่ที่ป่าแก่งกระจานอีก เหตุไม่มีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน
วันที่ 12 มิถุนายน 2561 มีรายงานว่า ที่ศาลปกครองสูงสุด มีการอ่านคำพิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น คดีหมายเลขดำที่ ส.58/2555 ระหว่าง นายโคอิ หรือ ปู่คออี้ มีมิ กับพวกรวม 6 คน ฟ้องร้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน (ขณะนั้น) และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับพวกรวม 2 คน ก่อเหตุรื้อถอนและเผาทำลายทรัพย์สิน ยุ้งฉางข้าว ของชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่แก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี
โดยก่อนหน้านี้ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่เหมาะสมตามหลักความเหมาะสม ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 คน คนละ 10,000 บาท
อย่างไรก็ดี จากการพิเคราะห์ของศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รุนแรง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิทธิในการดำรงชีวิตและสิทธิในทรัพย์สินอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งที่สามารถใช้ดุลยพินิจไม่ใช้มาตรการที่มีความรุนแรงกระทำต่อสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินของผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 คน ได้
ศาลปกครองสูงสุด จึงมีคำสั่งแก้คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น เป็น ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดี ดังนี้...
ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ได้รับค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 51,407 บาท
ผู้ฟ้องคดีที่ 2 ได้รับค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 51,032 บาท
ผู้ฟ้องคดีที่ 3 ได้รับค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 51,407 บาท
ผู้ฟ้องคดีที่ 4 ได้รับค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 45,302 บาท
ผู้ฟ้องคดีที่ 5 ได้รับค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 50,807 บาท
ผู้ฟ้องคดีที่ 6 ได้รับค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 51,032 บาท
แต่หากผู้ฟ้องคดีรายใดได้รับค่าสินไหมทดแทนไปแล้ว ให้หักออกจากค่าสินไหมทดแทนตามคำพิพากษานี้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ผู้ฟ้องร้องขอกลับไปอยู่อาศัยและทำกินในป่าแก่งกระจานตามเดิมนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากผู้ฟ้องไม่มีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน หรือหลักฐานการครอบครองที่ดินเพื่อทำประโยชน์
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
, , เฟซบุ๊ก Workpoint News - ข่าวเวิร์คพอยท์
วันที่ 12 มิถุนายน 2561 มีรายงานว่า ที่ศาลปกครองสูงสุด มีการอ่านคำพิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น คดีหมายเลขดำที่ ส.58/2555 ระหว่าง นายโคอิ หรือ ปู่คออี้ มีมิ กับพวกรวม 6 คน ฟ้องร้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน (ขณะนั้น) และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับพวกรวม 2 คน ก่อเหตุรื้อถอนและเผาทำลายทรัพย์สิน ยุ้งฉางข้าว ของชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่แก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี
โดยก่อนหน้านี้ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่เหมาะสมตามหลักความเหมาะสม ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 คน คนละ 10,000 บาท
อย่างไรก็ดี จากการพิเคราะห์ของศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รุนแรง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิทธิในการดำรงชีวิตและสิทธิในทรัพย์สินอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งที่สามารถใช้ดุลยพินิจไม่ใช้มาตรการที่มีความรุนแรงกระทำต่อสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินของผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 คน ได้
ศาลปกครองสูงสุด จึงมีคำสั่งแก้คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น เป็น ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดี ดังนี้...
ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ได้รับค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 51,407 บาท
ผู้ฟ้องคดีที่ 2 ได้รับค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 51,032 บาท
ผู้ฟ้องคดีที่ 3 ได้รับค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 51,407 บาท
ผู้ฟ้องคดีที่ 4 ได้รับค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 45,302 บาท
ผู้ฟ้องคดีที่ 5 ได้รับค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 50,807 บาท
ผู้ฟ้องคดีที่ 6 ได้รับค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 51,032 บาท
แต่หากผู้ฟ้องคดีรายใดได้รับค่าสินไหมทดแทนไปแล้ว ให้หักออกจากค่าสินไหมทดแทนตามคำพิพากษานี้
ภาพจาก สำนักข่าวไทย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ผู้ฟ้องร้องขอกลับไปอยู่อาศัยและทำกินในป่าแก่งกระจานตามเดิมนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากผู้ฟ้องไม่มีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน หรือหลักฐานการครอบครองที่ดินเพื่อทำประโยชน์
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
, , เฟซบุ๊ก Workpoint News - ข่าวเวิร์คพอยท์