แพทย์ห่วง 13 ชีวิตในถ้ำหลวง-ทีมช่วยเหลือ เสี่ยงติดเชื้อหากโดนน้ำกัดเท้าเล่นงาน

 
           แพทย์ห่วงเด็กและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย อาจเป็นโรคผิวหนัง-น้ำกัดเท้า หลังติดอยู่ในถ้ำที่มีน้ำท่วมขังและมีความชื้นมาร่วมสัปดาห์ กังวลสุขภาพเท้าของทีมช่วยเหลือ หากไม่พักเท้าอาจเจอน้ำกัดเท้า อาจร้ายแรงถึงขั้นติดเชื้อได้
             เวลาผ่านไปนานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว สำหรับภารกิจเข้าช่วยเหลือเด็ก ๆ และโค้ชของทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย ทั้ง 13 ชีวิต ที่ติดค้างภายในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้ร่วมใจกันเดินหน้าการค้นหาอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งเร่งการสูบน้ำ ลุยโคลน ดำน้ำ ตลอดจนออกเดินเท้าสำรวจหาโพรงต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่ภายในถ้ำเพิ่มเติม ซึ่งจากสภาพการทำงานที่ต้องเหยียบย่ำบนดินโคลนและพื้นที่เปียกแฉะ รวมถึงการลุยน้ำเป็นเวลานานเช่นนี้ ก็ทำให้บางคนอาจเริ่มประสบกับอาการผิดปกติทางผิวหนังแล้ว

             ขณะที่ต่อมา วันที่ 30 มิถุนายน 2561 แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้เผยกับรายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่องอมรินทร์ ทีวี เปิดเผยว่า ด้วยสภาพภายในถ้ำที่มีน้ำท่วมขังและความชื้น การที่ทั้ง 13 คนติดอยู่ในถ้ำมานานเช่นนี้ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเป็นโรคผิวหนัง หรือโรคน้ำกัดเท้าได้ เพราะหากมีการแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน ผิวหนังจะเกิดอาการบวมแดง หนังลอก หากรุนแรงถึงขั้นผิวหนังมีรอยแตก อาจทำให้เชื้อโรค เช่น เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา แทรกซึมเข้าไปในผิวหนังได้ จนอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ


           นอกจากนี้แพทย์ยังกังวลว่าเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปในถ้ำก็อาจเป็นโรคน้ำกัดเท้า และอาจร้ายแรงถึงขั้นติดเชื้อได้หากไม่ได้รับการพักเท้า ซึ่งอาจนำไปสู่อันตรายร้ายแรงหรือติดเชื้อในกระแสเลือดได้

            ด้าน นายทรงพล เรืองสมุทร ช่างภาพช่องอมรินทร์ ทีวี ซึ่งได้ลงพื้นที่เพื่อทำข่าวมา 6 วัน ก็ยอมรับว่ามีอุปสรรคตรงฝนตกและพื้นที่ที่เป็นโคลน และไม่ได้เตรียมรองเท้ามาทำให้เดินด้วยความลำบาก แต่คิดว่าเจ้าหน้าที่ทำงานลำบากกว่าเยอะ ตอนนี้ก็เริ่มมีปัญหาน้ำกัดเท้าแล้ว เพราะช่วง 2 วันแรกไม่มีรองเท้าบูต ต้องใส่รองเท้าผ้าใบ เวลาฝนตกก็มีเศษดินเศษหินเข้าไปสะสม