หนุ่มผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย อาศัยอยู่ในสนามบินประเทศมาเลเซียมานานกว่า 100 วัน เหตุไม่มีที่ไป นานาประเทศไม่รับ กลัวถูกบังคับส่งตัวกลับประเทศ เพราะไม่อยากไปเป็นกองกำลังทหาร
ภาพจาก Twitter @kontar81
เผยเรื่องราวสุดสะเทือนใจของ ฮัซซัน อัล-กอนตาร์ หนุ่มชาวซีเรียวัย 36 ปี ผู้ติดอยู่ภายในสนามบินกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เขาจำต้องอาศัยใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมานานมากกว่าร้อยวัน โดยสาเหตุที่เขาไม่สามารถออกมาได้ เป็นเพราะว่าเขาเป็นผู้ลี้ภัย ไม่เป็นที่ต้องการของประเทศใด เขากลัวว่าจะถูกส่งตัวกลับไปยังซีเรีย และถูกบังคับให้ต้องไปเป็นกองกำลังทหาร
ตามรายงานของเว็บไซต์เดลี่เมล ระบุว่า ฮัซซัน อาศัยลี้ภัยอยู่ภายในสนามบินดังกล่าวมาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา เขาเอาชีวิตรอดอยู่ด้วยการกินอาหารพวกข้าวและไก่ ที่ได้จากทางสายการบินแอร์เอเชีย หรือบางครั้งก็มีเบอร์เกอร์จากทางแมคโดนัลด์ อาบน้ำในห้องน้ำผู้พิการ จนวันเวลาผ่านเรื่อยมาจนถึงขณะนี้ สำนักข่าว บีบีซี เผยว่า ฮัซซันก็ยังคงปักหลักอาศัยอยู่ภายในสนามบินนี้ไม่ยอมไปไหน จนถึงล่าสุด (7 กรกฎาคม 2561) รวมเป็นระยะเวลา 122 วัน
ภาพจาก Twitter @kontar81
"ผมสิ้นหวังกับการช่วยเหลือ ผมไม่สามารถใช้ชีวิตอาศัยอยู่ภายในสนามบินได้ตลอดไป ความไม่แน่นอนนี้มันทำให้ผมประสาทเสียลงทุกวัน ๆ ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร ไม่มีใครให้คำแนะนำผมเลยว่าจะไปที่ไหนได้บ้าง ผมต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ เพราะผมเชื่อว่าสิ่งที่แย่ที่สุดกำลังจะมา" ฮัซซัน กล่าว
ภาพจาก Twitter @kontar81
สำหรับฮัซซัน เขาเคยทำงานมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั่วไปและหัวหน้าการตลาดของบริษัทด้านพลังงานแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จนกระทั่งในปี 2559 เขาถูกเนรเทศออกจากประเทศ โดยทางการยกเลิกใบอนุญาตการทำงานและวีซ่าของเขา ภายหลังจากสงครามซีเรียเริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น และในที่สุดเขาก็ถูกส่งตัวไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่อนุญาตให้ชาวซีเรียเข้าประเทศได้โดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าล่วงหน้าก่อนเดินทาง
ฮัซซันใช้วีซ่านักท่องเที่ยวอาศัยอยู่ที่ประเทศมาเลเซียได้ 3 เดือน พร้อมทั้งเก็บเงินตั้งใจจะเดินทางไปยังประเทศเอกวาดอร์ เพื่อหาแหล่งลี้ภัยอาศัย แต่เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นเครื่อง ฮัซซันจึงตัดสินใจบินไปประเทศกัมพูชา เพื่อหวังว่าจะสามารถเดินทางไปยังประเทศแอฟริกาใต้ แต่สุดท้ายเขาก็ถูกส่งตัวกลับมาที่ประเทศมาเลเซีย
ภาพจาก Twitter @kontar81
ฮัซซัน เผยว่า เขาถูกทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหลายที่ซักถามเกี่ยวกับเรื่องการเงินของเขา และยังโดนยึดพาสปอร์ตด้วย อีกทั้งเขายังถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ทางเจ้าหน้าที่ให้เขาไปยืนติดกับกำแพงแล้วถ่ายรูป ราวกับว่าเขาเป็นอาชญากร
ด้วยเหตุดังกล่าว ทำให้ฮัซซันกลายเป็นผู้ลี้ภัยที่ผิดกฎหมาย และจำต้องอาศัยอยู่ที่สนามบินในประเทศมาเลเซียเรื่อยมา เขาอับจนหมดหนทาง คิดไม่ออกแล้วว่าจะต้องไปลี้ภัยที่ไหน นอกจากนี้ฮัซซันยังไม่มีโอกาสได้เจอหน้าแม่ น้องสาว และน้องชาย นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาไปเยี่ยมครอบครัวที่ประเทศซีเรีย เมื่อปี 2551 และเขากลัวว่าจะไม่ได้เจอหน้าครอบครัวอีกแล้ว
ภาพจาก Twitter @kontar81
ทั้งนี้ ฮัซซัน เผยว่า เมื่อปี 2554 มีหมายจับของเขาออกมาที่ประเทศซีเรีย โทษฐานหลบเลี่ยงการเป็นทหาร แต่เขาไม่ต้องการที่จะไปต่อสู้ทำสงคราม แม้ว่าเขาจะต้องอยู่ภายในสนามบิน
"ผมเป็นมนุษย์คนหนึ่ง และผมคิดว่ามันไม่ถูกต้องที่จะไปเข้าร่วมทำสงคราม มันไม่ใช่การตัดสินใจของผม ตัวผมไม่ใช่เครื่องจักรสังหาร ผมไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งในการทำลายชาติ ผมไม่ต้องการให้มือเปื้อนเลือด สงครามไม่ใช่ทางแก้ปัญหา แต่โชคร้ายที่ผมต้องมานั่งรับเคราะห์นั้นอยู่ที่สนามบินแห่งนี้" ฮัซซัน กล่าว
ภาพจาก Twitter @kontar81
เผยเรื่องราวสุดสะเทือนใจของ ฮัซซัน อัล-กอนตาร์ หนุ่มชาวซีเรียวัย 36 ปี ผู้ติดอยู่ภายในสนามบินกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เขาจำต้องอาศัยใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมานานมากกว่าร้อยวัน โดยสาเหตุที่เขาไม่สามารถออกมาได้ เป็นเพราะว่าเขาเป็นผู้ลี้ภัย ไม่เป็นที่ต้องการของประเทศใด เขากลัวว่าจะถูกส่งตัวกลับไปยังซีเรีย และถูกบังคับให้ต้องไปเป็นกองกำลังทหาร
ตามรายงานของเว็บไซต์เดลี่เมล ระบุว่า ฮัซซัน อาศัยลี้ภัยอยู่ภายในสนามบินดังกล่าวมาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา เขาเอาชีวิตรอดอยู่ด้วยการกินอาหารพวกข้าวและไก่ ที่ได้จากทางสายการบินแอร์เอเชีย หรือบางครั้งก็มีเบอร์เกอร์จากทางแมคโดนัลด์ อาบน้ำในห้องน้ำผู้พิการ จนวันเวลาผ่านเรื่อยมาจนถึงขณะนี้ สำนักข่าว บีบีซี เผยว่า ฮัซซันก็ยังคงปักหลักอาศัยอยู่ภายในสนามบินนี้ไม่ยอมไปไหน จนถึงล่าสุด (7 กรกฎาคม 2561) รวมเป็นระยะเวลา 122 วัน
ภาพจาก Twitter @kontar81
"ผมสิ้นหวังกับการช่วยเหลือ ผมไม่สามารถใช้ชีวิตอาศัยอยู่ภายในสนามบินได้ตลอดไป ความไม่แน่นอนนี้มันทำให้ผมประสาทเสียลงทุกวัน ๆ ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร ไม่มีใครให้คำแนะนำผมเลยว่าจะไปที่ไหนได้บ้าง ผมต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ เพราะผมเชื่อว่าสิ่งที่แย่ที่สุดกำลังจะมา" ฮัซซัน กล่าว
ภาพจาก Twitter @kontar81
สำหรับฮัซซัน เขาเคยทำงานมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั่วไปและหัวหน้าการตลาดของบริษัทด้านพลังงานแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จนกระทั่งในปี 2559 เขาถูกเนรเทศออกจากประเทศ โดยทางการยกเลิกใบอนุญาตการทำงานและวีซ่าของเขา ภายหลังจากสงครามซีเรียเริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น และในที่สุดเขาก็ถูกส่งตัวไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่อนุญาตให้ชาวซีเรียเข้าประเทศได้โดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าล่วงหน้าก่อนเดินทาง
ฮัซซันใช้วีซ่านักท่องเที่ยวอาศัยอยู่ที่ประเทศมาเลเซียได้ 3 เดือน พร้อมทั้งเก็บเงินตั้งใจจะเดินทางไปยังประเทศเอกวาดอร์ เพื่อหาแหล่งลี้ภัยอาศัย แต่เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นเครื่อง ฮัซซันจึงตัดสินใจบินไปประเทศกัมพูชา เพื่อหวังว่าจะสามารถเดินทางไปยังประเทศแอฟริกาใต้ แต่สุดท้ายเขาก็ถูกส่งตัวกลับมาที่ประเทศมาเลเซีย
ภาพจาก Twitter @kontar81
ฮัซซัน เผยว่า เขาถูกทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหลายที่ซักถามเกี่ยวกับเรื่องการเงินของเขา และยังโดนยึดพาสปอร์ตด้วย อีกทั้งเขายังถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ทางเจ้าหน้าที่ให้เขาไปยืนติดกับกำแพงแล้วถ่ายรูป ราวกับว่าเขาเป็นอาชญากร
ด้วยเหตุดังกล่าว ทำให้ฮัซซันกลายเป็นผู้ลี้ภัยที่ผิดกฎหมาย และจำต้องอาศัยอยู่ที่สนามบินในประเทศมาเลเซียเรื่อยมา เขาอับจนหมดหนทาง คิดไม่ออกแล้วว่าจะต้องไปลี้ภัยที่ไหน นอกจากนี้ฮัซซันยังไม่มีโอกาสได้เจอหน้าแม่ น้องสาว และน้องชาย นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาไปเยี่ยมครอบครัวที่ประเทศซีเรีย เมื่อปี 2551 และเขากลัวว่าจะไม่ได้เจอหน้าครอบครัวอีกแล้ว
ภาพจาก Twitter @kontar81
ทั้งนี้ ฮัซซัน เผยว่า เมื่อปี 2554 มีหมายจับของเขาออกมาที่ประเทศซีเรีย โทษฐานหลบเลี่ยงการเป็นทหาร แต่เขาไม่ต้องการที่จะไปต่อสู้ทำสงคราม แม้ว่าเขาจะต้องอยู่ภายในสนามบิน
"ผมเป็นมนุษย์คนหนึ่ง และผมคิดว่ามันไม่ถูกต้องที่จะไปเข้าร่วมทำสงคราม มันไม่ใช่การตัดสินใจของผม ตัวผมไม่ใช่เครื่องจักรสังหาร ผมไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งในการทำลายชาติ ผมไม่ต้องการให้มือเปื้อนเลือด สงครามไม่ใช่ทางแก้ปัญหา แต่โชคร้ายที่ผมต้องมานั่งรับเคราะห์นั้นอยู่ที่สนามบินแห่งนี้" ฮัซซัน กล่าว