พยาบาลเหี้ยม วางยาสังหารคนไข้กว่า 20 ราย เลือกเอาที่ใกล้ตายอยู่แล้ว กะให้ไปสิ้นใจตอนคนอื่นมาเข้าเวร ทั้งนี้เพราะรำคาญ ไม่อยากเป็นคนแจ้งญาติผู้ป่วยเอง ว่าพวกเขาตายเพราะอะไร
![วางยาคนไข้]( "วางยาคนไข้")
วันที่ 11 กรกฎาคม 2561 เว็บไซต์เดลี่เมล มีรายงานคดีชวนช็อกที่เกิดขึ้นภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ของประเทศญี่ปุ่น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุม อายุมิ คูโบกิ นางพยาบาลวัย 31 ปี ฐานต้องสงสัยว่าเป็นผู้ฆาตกรรมคนไข้สูงอายุกว่า 20 ราย ที่เข้ามารักษาตัวอยู่โรงพยาบาลโองุจิ ในเขตโยโกฮาม่า ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
รายงานเผยว่า ตำรวจได้เข้ามาสืบคดีคนไข้เสียชีวิตจากการถูกวางยาครั้งแรก หลังจากที่ ซูโซ นาชิกาวะ คนไข้ชายวัย 88 ปี ได้เสียชีวิตลงในเดือนกันยายน 2558 ตอนนั้นมีพยาบาลคนอื่นสังเกตเห็นถุงน้ำเกลือของคนไข้มีฟองขึ้นในลักษณะแปลก ๆ เหมือนมีใครมาทำอะไรกับมัน นอกจากนี้แพทย์ที่ชันสูตรศพยังพบว่ามีสารของน้ำยาฆ่าเชื้อปะปนอยู่ในระบบเลือดของผู้ตายในปริมาณสูง และระบุสาเหตุการตายว่าเกิดจากพิษ
ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ยังสืบพบถุงน้ำเกลือที่มีรอยเจาะใส่น้ำยาฆ่าเชื้อลงไปหลายถุง และจากการตรวจสอบชุดของนางพยาบาลทุกคน ก็พบว่ามีแค่ชุดของคูโบกิเท่านั้น ที่มีรอยเปื้อนของน้ำยาฆ่าเชื้อ
สิ่งที่เกิดขึ้นยังมีความสอดคล้องกับการเสียชีวิตของคนไข้สูงวัยรายอื่นอีก 2 ราย ที่ทางตำรวจยังหาหลักฐานมาสรุปไม่ได้ว่าเป็นฝีมือของใคร อย่างไรก็ตามหลักฐานจากชุดพยาบาลที่เปื้อนน้ำยาฆ่าเชื้อ ก็เพียงพอแล้วที่ทางตำรวจจะทำการจับกุมคูโบกิ ฐานต้องสงสัยเป็นผู้ก่อเหตุฆาตกรรม
![วางยาคนไข้]( "วางยาคนไข้")
หลังจากการสอบสวน ในที่สุดคูโบกิก็ยอมเปิดปากรับสารภาพ ว่าเธอได้ฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีส่วนประกอบของสารที่เป็นพิษ เข้าไปสู่ร่างกายของผู้ป่วยผ่านทางสายน้ำเกลือ ทั้งนี้เพื่อให้พวกเขาเสียชีวิตในอีกหลายชั่วโมงต่อมา ในเวลาที่เธอไม่ได้เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่แล้ว ซึ่งนั่นจะทำให้เธอไม่ต้องเจอเรื่องน่ารำคาญใจ อย่างการไปแจ้งญาติคนไข้และอธิบายให้พวกเขาเข้าใจว่าคนไข้เสียชีวิตเพราะเหตุใด
นอกจากคนไข้วัย 88 ปีที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น คูโบกิยอมรับว่าเธอก่อเหตุแบบนี้กับคนไข้ที่อยู่ในความดูแลมาไม่ต่ำกว่า 20 คน โดยเธอจะเลือกเอาคนที่ป่วยหนักมาก ๆ กะให้คนเหล่านี้สิ้นใจไปตอนที่มีพยาบาลคนอื่นมาเข้าเวรแทนเธอ เธอจะได้ไม่ต้องไปอธิบายอะไรให้ญาติคนไข้ฟังเอง
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ค้านข้ออ้างดังกล่าวของคูโบกิ โดยชี้ว่ามีคนไข้หลายรายด้วยกัน ที่ถูกเธอทำให้เสียชีวิต ทั้งที่พวกนั้นไม่ได้มีอาการป่วยหนักแม้แต่น้อย
วันที่ 11 กรกฎาคม 2561 เว็บไซต์เดลี่เมล มีรายงานคดีชวนช็อกที่เกิดขึ้นภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ของประเทศญี่ปุ่น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุม อายุมิ คูโบกิ นางพยาบาลวัย 31 ปี ฐานต้องสงสัยว่าเป็นผู้ฆาตกรรมคนไข้สูงอายุกว่า 20 ราย ที่เข้ามารักษาตัวอยู่โรงพยาบาลโองุจิ ในเขตโยโกฮาม่า ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
รายงานเผยว่า ตำรวจได้เข้ามาสืบคดีคนไข้เสียชีวิตจากการถูกวางยาครั้งแรก หลังจากที่ ซูโซ นาชิกาวะ คนไข้ชายวัย 88 ปี ได้เสียชีวิตลงในเดือนกันยายน 2558 ตอนนั้นมีพยาบาลคนอื่นสังเกตเห็นถุงน้ำเกลือของคนไข้มีฟองขึ้นในลักษณะแปลก ๆ เหมือนมีใครมาทำอะไรกับมัน นอกจากนี้แพทย์ที่ชันสูตรศพยังพบว่ามีสารของน้ำยาฆ่าเชื้อปะปนอยู่ในระบบเลือดของผู้ตายในปริมาณสูง และระบุสาเหตุการตายว่าเกิดจากพิษ
ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ยังสืบพบถุงน้ำเกลือที่มีรอยเจาะใส่น้ำยาฆ่าเชื้อลงไปหลายถุง และจากการตรวจสอบชุดของนางพยาบาลทุกคน ก็พบว่ามีแค่ชุดของคูโบกิเท่านั้น ที่มีรอยเปื้อนของน้ำยาฆ่าเชื้อ
สิ่งที่เกิดขึ้นยังมีความสอดคล้องกับการเสียชีวิตของคนไข้สูงวัยรายอื่นอีก 2 ราย ที่ทางตำรวจยังหาหลักฐานมาสรุปไม่ได้ว่าเป็นฝีมือของใคร อย่างไรก็ตามหลักฐานจากชุดพยาบาลที่เปื้อนน้ำยาฆ่าเชื้อ ก็เพียงพอแล้วที่ทางตำรวจจะทำการจับกุมคูโบกิ ฐานต้องสงสัยเป็นผู้ก่อเหตุฆาตกรรม
หลังจากการสอบสวน ในที่สุดคูโบกิก็ยอมเปิดปากรับสารภาพ ว่าเธอได้ฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีส่วนประกอบของสารที่เป็นพิษ เข้าไปสู่ร่างกายของผู้ป่วยผ่านทางสายน้ำเกลือ ทั้งนี้เพื่อให้พวกเขาเสียชีวิตในอีกหลายชั่วโมงต่อมา ในเวลาที่เธอไม่ได้เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่แล้ว ซึ่งนั่นจะทำให้เธอไม่ต้องเจอเรื่องน่ารำคาญใจ อย่างการไปแจ้งญาติคนไข้และอธิบายให้พวกเขาเข้าใจว่าคนไข้เสียชีวิตเพราะเหตุใด
นอกจากคนไข้วัย 88 ปีที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น คูโบกิยอมรับว่าเธอก่อเหตุแบบนี้กับคนไข้ที่อยู่ในความดูแลมาไม่ต่ำกว่า 20 คน โดยเธอจะเลือกเอาคนที่ป่วยหนักมาก ๆ กะให้คนเหล่านี้สิ้นใจไปตอนที่มีพยาบาลคนอื่นมาเข้าเวรแทนเธอ เธอจะได้ไม่ต้องไปอธิบายอะไรให้ญาติคนไข้ฟังเอง
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ค้านข้ออ้างดังกล่าวของคูโบกิ โดยชี้ว่ามีคนไข้หลายรายด้วยกัน ที่ถูกเธอทำให้เสียชีวิต ทั้งที่พวกนั้นไม่ได้มีอาการป่วยหนักแม้แต่น้อย
