เปิดคดีสะเทือนขวัญ ลูกสาวฆ่าพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง ก่อนฝังอำพรางศพไว้ในสวนหลังบ้าน เก็บเป็นความลับเรื่อยมา โกหกทุกคนรอบตัวไม่ให้ใครรู้ จนเวลาผ่านไปนานถึง 12 ปี กว่าความจริงจะปรากฏ
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2561 เว็บไซต์มิเรอร์ เผยคดีสะเทือนขวัญ บาร์บารา คูมเบส หญิงชาวอังกฤษวัย 63 ปี จากเมืองสต็อกพอร์ต ยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือฆ่า เคนเนธ คูมเบส พ่อแท้ ๆ ของตัวเองอย่างโหดเหี้ยม โดยใช้พลั่วเป็นอุปกรณ์สังหาร ก่อนจะนำร่างไร้วิญญาณห่อด้วยพรมเช็ดเท้าแล้วนำไปขุดหลุมฝังดินไว้ที่สวนหลังบ้าน เป็นเวลานานทั้งสิ้นถึง 12 ปี กว่าความจริงจะปรากฏ
เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคม ปี 2549 บาร์บารา ได้แยกทางกับสามีก่อนจะมาอาศัยอยู่กับ เคนเนธ คุณพ่อวัย 87 ปี กระทั่งวันหนึ่ง เธอบังเอิญไปพบว่า ผู้เป็นพ่อของเธอสะสมรูปภาพโป๊เปลือยของเด็กเก็บไว้ในกล่องบนโต๊ะรับประทานอาหาร จึงเกิดความรังเกียจอย่างรุนแรง เธอจึงเดินเข้าไปหาเขาที่กำลังทำสวนอยู่หลังบ้าน ก่อนจะใช้พลั่วตีเขาที่ท้ายทอย แล้วเมื่อเขาหันหน้ากลับมา เธอก็ตีซ้ำเข้าไปอีกครั้งจนเขาแน่นิ่งไป
ตามรายงานของทางศาล เผยว่า บาร์บารายืนมองชายผู้เป็นพ่อของตัวเองได้รับบาดเจ็บ เลือดไหลออกจากร่างกาย จนเสียชีวิตจากไปในที่สุด จากนั้นเธอได้ปล่อยศพของเคนเนธไว้เช่นนั้น กระทั่งวันถัดไปเธอได้สั่งดินมาในปริมาณมาก เพื่อทำการฝังกลบร่างของเขาไว้ที่ภายในสวนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลังจากนั้นเธอก็เคลียร์ข้าวของของพ่อออกจากบ้านทั้งหมด และเธออาศัยอยู่ต่อเรื่อยมา
บาร์บารา เผยว่า เธอถูกผู้เป็นพ่อกระทำรุนแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจมาตั้งแต่ตอนที่เธอเป็นเด็ก ทั้งนี้ภายหลังจากที่เคนเนธสิ้นลมหายใจจากไป เธอก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมทั้งสร้างเรื่องหลอกลวงสารพัดกับทุกคน ๆ รอบตัวมาตลอด 12 ปี เธอตอบจดหมายต่าง ๆ ในนามของเคนเนธ อีกทั้งยังปลอมเอกสารรับเงินบำนาญของเขาจำนวนกว่า 180,000 ปอนด์ (ราว 8 ล้านบาท) และทำให้ดูเหมือนว่าพ่อเป็นคนชราไร้ความสามารถโดยมีเธอดูแลเขาอยู่ที่บ้าน ไม่เพียงเท่านั้น บาร์บารายังโกหกทั้งน้องชายและลูกสาวของเธอ โดยบอกว่า เคนเนธเสียชีวิตกะทันหันเนื่องจากโรคหัวใจกำเริบ ถูกพาตัวไปส่งโรงพยาบาล และทำพิธีเผาศพไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เรื่องราวความลับถูกปิดผนึกฝังไว้ที่สวนหลังบ้านแห่งนั้นเรื่อยมาโดยที่ไม่มีใครรู้ กระทั่งเพิ่งมาถูกเปิดเผยในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีที่ผ่านมา เมื่อเจ้าหน้าที่ชุมชนของท้องถิ่น เดินทางไปเยี่ยมบ้านของเคนเนธ เพื่อจัดการเรื่องสวัสดิการฤดูหนาวให้ และต้องการจะพบเคนเนธ ซึ่งขณะนั้นจะต้องอายุมากถึง 99 ปี แล้ว แต่ทางบาร์บาราเอาแต่บอกปัดปฏิเสธไม่ให้เจ้าหน้าที่พบพ่อของตัวเองหลายครั้ง จนทำให้เกิดความน่าสงสัย ในที่สุดบาร์บาราทนแรงกดดันไม่ไหว จึงเข้าไปรับสารภาพกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เทอร์รี ซีเวอร์ หนึ่งในเพื่อนบ้านของเคนเนธ กล่าวว่า ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา เขาทราบเพียงว่าเคนเนธหายไป และเขาไม่ได้มีมิตรสัมพันธ์ที่ดีกับบ้านหลังนี้มากพอที่จะถามว่าเขาหายไปไหน ทั้งนี้เคนเนธยังได้เผยว่า บาร์บาราเคยพูดถึงความเข้มงวดของเคนเนธ เช่นว่า หากเขาจะดูโทรทัศน์ เธอและลูกสาวของเธอจะต้องออกไปจากห้องให้หมด
ดันแคน ธอร์ป เจ้าหน้าที่หน่วยสืบสวนอาวุโส กล่าวว่า "คดีนี้เป็นเคสที่น่าสลดใจมาก ชายชราถูกฆ่าโดยฝีมือของลูกสาวตัวเอง ก่อนจะหลอกลวงรับเงินบำนาญของเขาต่อ เธอไม่ได้ตระหนักรู้สึกในสิ่งที่เธอทำกับผู้เป็นพ่อ รวมทั้งไม่ให้คนอื่นได้มีโอกาสบอกลาเขา โดยการฝังเขาไว้ที่สวนหลังบ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากห้องนอนของเธอออกไปแค่ไม่กี่เมตร และแทนที่เธอจะใช้เวลาหลายปีที่ผ่านมาสารภาพความจริง เธอกลับบอกว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่น"
ศาลสูงเมืองแมนเชสเตอร์ พิจารณาว่าบาร์บารามีความผิดฐานฆาตกรรมโดยไม่เจตนา อีกทั้งยังมีอาการผิดปกติทางจิต อันเกิดจากสาเหตุถูกกระทำรุนแรงมาตลอดชีวิต ทั้งด้วยคำพูดและการกระทำ จึงมีการลดโทษให้เนื่องจากสติไม่สมประกอบ ตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 9 ปี
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2561 เว็บไซต์มิเรอร์ เผยคดีสะเทือนขวัญ บาร์บารา คูมเบส หญิงชาวอังกฤษวัย 63 ปี จากเมืองสต็อกพอร์ต ยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือฆ่า เคนเนธ คูมเบส พ่อแท้ ๆ ของตัวเองอย่างโหดเหี้ยม โดยใช้พลั่วเป็นอุปกรณ์สังหาร ก่อนจะนำร่างไร้วิญญาณห่อด้วยพรมเช็ดเท้าแล้วนำไปขุดหลุมฝังดินไว้ที่สวนหลังบ้าน เป็นเวลานานทั้งสิ้นถึง 12 ปี กว่าความจริงจะปรากฏ
เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคม ปี 2549 บาร์บารา ได้แยกทางกับสามีก่อนจะมาอาศัยอยู่กับ เคนเนธ คุณพ่อวัย 87 ปี กระทั่งวันหนึ่ง เธอบังเอิญไปพบว่า ผู้เป็นพ่อของเธอสะสมรูปภาพโป๊เปลือยของเด็กเก็บไว้ในกล่องบนโต๊ะรับประทานอาหาร จึงเกิดความรังเกียจอย่างรุนแรง เธอจึงเดินเข้าไปหาเขาที่กำลังทำสวนอยู่หลังบ้าน ก่อนจะใช้พลั่วตีเขาที่ท้ายทอย แล้วเมื่อเขาหันหน้ากลับมา เธอก็ตีซ้ำเข้าไปอีกครั้งจนเขาแน่นิ่งไป
ตามรายงานของทางศาล เผยว่า บาร์บารายืนมองชายผู้เป็นพ่อของตัวเองได้รับบาดเจ็บ เลือดไหลออกจากร่างกาย จนเสียชีวิตจากไปในที่สุด จากนั้นเธอได้ปล่อยศพของเคนเนธไว้เช่นนั้น กระทั่งวันถัดไปเธอได้สั่งดินมาในปริมาณมาก เพื่อทำการฝังกลบร่างของเขาไว้ที่ภายในสวนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลังจากนั้นเธอก็เคลียร์ข้าวของของพ่อออกจากบ้านทั้งหมด และเธออาศัยอยู่ต่อเรื่อยมา
บาร์บารา เผยว่า เธอถูกผู้เป็นพ่อกระทำรุนแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจมาตั้งแต่ตอนที่เธอเป็นเด็ก ทั้งนี้ภายหลังจากที่เคนเนธสิ้นลมหายใจจากไป เธอก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมทั้งสร้างเรื่องหลอกลวงสารพัดกับทุกคน ๆ รอบตัวมาตลอด 12 ปี เธอตอบจดหมายต่าง ๆ ในนามของเคนเนธ อีกทั้งยังปลอมเอกสารรับเงินบำนาญของเขาจำนวนกว่า 180,000 ปอนด์ (ราว 8 ล้านบาท) และทำให้ดูเหมือนว่าพ่อเป็นคนชราไร้ความสามารถโดยมีเธอดูแลเขาอยู่ที่บ้าน ไม่เพียงเท่านั้น บาร์บารายังโกหกทั้งน้องชายและลูกสาวของเธอ โดยบอกว่า เคนเนธเสียชีวิตกะทันหันเนื่องจากโรคหัวใจกำเริบ ถูกพาตัวไปส่งโรงพยาบาล และทำพิธีเผาศพไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เรื่องราวความลับถูกปิดผนึกฝังไว้ที่สวนหลังบ้านแห่งนั้นเรื่อยมาโดยที่ไม่มีใครรู้ กระทั่งเพิ่งมาถูกเปิดเผยในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีที่ผ่านมา เมื่อเจ้าหน้าที่ชุมชนของท้องถิ่น เดินทางไปเยี่ยมบ้านของเคนเนธ เพื่อจัดการเรื่องสวัสดิการฤดูหนาวให้ และต้องการจะพบเคนเนธ ซึ่งขณะนั้นจะต้องอายุมากถึง 99 ปี แล้ว แต่ทางบาร์บาราเอาแต่บอกปัดปฏิเสธไม่ให้เจ้าหน้าที่พบพ่อของตัวเองหลายครั้ง จนทำให้เกิดความน่าสงสัย ในที่สุดบาร์บาราทนแรงกดดันไม่ไหว จึงเข้าไปรับสารภาพกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เทอร์รี ซีเวอร์ หนึ่งในเพื่อนบ้านของเคนเนธ กล่าวว่า ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา เขาทราบเพียงว่าเคนเนธหายไป และเขาไม่ได้มีมิตรสัมพันธ์ที่ดีกับบ้านหลังนี้มากพอที่จะถามว่าเขาหายไปไหน ทั้งนี้เคนเนธยังได้เผยว่า บาร์บาราเคยพูดถึงความเข้มงวดของเคนเนธ เช่นว่า หากเขาจะดูโทรทัศน์ เธอและลูกสาวของเธอจะต้องออกไปจากห้องให้หมด
ดันแคน ธอร์ป เจ้าหน้าที่หน่วยสืบสวนอาวุโส กล่าวว่า "คดีนี้เป็นเคสที่น่าสลดใจมาก ชายชราถูกฆ่าโดยฝีมือของลูกสาวตัวเอง ก่อนจะหลอกลวงรับเงินบำนาญของเขาต่อ เธอไม่ได้ตระหนักรู้สึกในสิ่งที่เธอทำกับผู้เป็นพ่อ รวมทั้งไม่ให้คนอื่นได้มีโอกาสบอกลาเขา โดยการฝังเขาไว้ที่สวนหลังบ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากห้องนอนของเธอออกไปแค่ไม่กี่เมตร และแทนที่เธอจะใช้เวลาหลายปีที่ผ่านมาสารภาพความจริง เธอกลับบอกว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่น"
ศาลสูงเมืองแมนเชสเตอร์ พิจารณาว่าบาร์บารามีความผิดฐานฆาตกรรมโดยไม่เจตนา อีกทั้งยังมีอาการผิดปกติทางจิต อันเกิดจากสาเหตุถูกกระทำรุนแรงมาตลอดชีวิต ทั้งด้วยคำพูดและการกระทำ จึงมีการลดโทษให้เนื่องจากสติไม่สมประกอบ ตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 9 ปี
