พี่เขยวัย 42 ถูกน้องชายเมียจ้วงแทงจนไส้ทะลัก เสียชีวิตก่อนถึง รพ. ปมเหตุแบ่งมรดกที่ดิน พี่สาว เผยน้องชายจิตไม่ปกติ เคยเข้ารักษาอาการทางประสาท
โดยภรรยาผู้เสียชีวิต ให้การว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายโมทย์ (นามสมมติ) อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นน้องชายแท้ ๆ ของตน ก่อนเกิดเหตุ สามีตนนั่งอยู่หน้าบ้านกำลังเตรียมตัวออกไปทำงาน จู่ ๆ น้องชายได้เดินลัดสวนยางพาราปรี่เข้าหาสามีตน โดยในมือถือมีดพร้ามาพร้อมยกมีดทำท่าจะฟัน แต่สามีตนเห็นจึงหลบทัน และเกิดการต่อสู้กัน น้องชายตนสู้ไม่ได้ จึงชักมีดพกอีกเล่ม จ้วงแทงจนสามีตนล้มฟุบไป ตนพยายามร้องขอความช่วยเหลือเพื่อให้เพื่อนบ้านช่วยนำตัวสามีส่งโรงพยาบาล แต่ไม่ทันสามีเสียชีวิตระหว่างทาง ส่วนน้องชายหลังก่อเหตุได้วิ่งหลบหนีไป
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นตรวจสอบบ้านหลังเกิดเหตุ พร้อมสอบสวนพยานแวดล้อม จนสามารถแกะรอยคนร้ายจนพบตัวและจับกุมได้ในที่สุด โดยนายโมทย์ได้หลบซ่อนอยู่ในบ้านตัวเอง ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร
ภาพจาก Workpoint News
วันที่ 15 กรกฎาคม 2561 ข่าวเวิร์คพอยท์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สวี จ.ชุมพร ได้รับแจ้งมีคนถูกแทงและเสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาลสวี จึงรุดตรวจสอบ เมื่อถึงโรงพยาบาล บริเวณห้องชันสูตร พบศพผู้เสียชีวิตนอนอยู่บนเตียงทราบชื่อต่อมาคือ นายนเรศ อายุ 42 ปี ตามร่างกายพบบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคม 4 แผล บริเวณหน้าท้องมีไส้ทะลักออกมา
ภาพจาก Workpoint News
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นตรวจสอบบ้านหลังเกิดเหตุ พร้อมสอบสวนพยานแวดล้อม จนสามารถแกะรอยคนร้ายจนพบตัวและจับกุมได้ในที่สุด โดยนายโมทย์ได้หลบซ่อนอยู่ในบ้านตัวเอง ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร
ภาพจาก Workpoint News
เบื้องต้น ผู้ก่อเหตุยังให้การวกวน พูดจาไม่รู้เรื่อง แต่ยอมรับว่าทำไปเพราะป้องกันตัว ไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งจากการสอบทราบว่า ปมเหตุที่นายโมทย์ได้แทงพี่เขยจนเสียชีวิต เพราะว่านายโมทย์ไม่พอใจเรื่องการแบ่งที่ดินทำกินของพ่อ ให้กับครอบครัวพี่สาว ทำให้มีปากเสียงกันเรื่อยมา ประกอบกับนายโมทย์มีอาการทางจิตประสาท เคยมีประวัติเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล จ.สุราษฎร์ธานี อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ส่วนข้อหาอื่น ๆ นั้น ต้องรอผลสอบสวนเพิ่มเติมก่อนส่งดำเนินคดีต่อไป
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ส่วนข้อหาอื่น ๆ นั้น ต้องรอผลสอบสวนเพิ่มเติมก่อนส่งดำเนินคดีต่อไป