ทีมหมูป่าฯ เล่านาทีติดถ้ำขุดหาทางออกทุกวัน จนขุดได้ 3-4 เมตร ทุกคนสุขภาพกาย สุขใจแข็งแรงกว่าที่คิด โค้ชเอก เผยอยากเป็นหน่วยซีล
ก่อนขึ้นเวที น้องทีมหมูป่าฯ ได้พบปะกับเพื่อน ๆ โดยทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส กอดกันด้วยความดีใจ ก่อนที่นายสุทธิชัย หยุ่น จะรับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยมี โค้ชเอก เอกพล จันทะวงษ์ นำทีมน้อง ๆ หมูป่าฯ ให้การแถลงข่าว พร้อมด้วย นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, นายแพทย์ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์, พ.ท. นพ.ภาคย์ โลหารชุน หรือ หมอภาคย์, จิตแพทย์ และนักจิตวิทยา
- น้อง ๆ หมูป่าฯ อาการดีขึ้น คืนสุดท้ายที่อยู่โรงพยาบาล 17 กรกฎาคม 2561 หมูป่าฯ ไม่มีอาการท้อถอย กำลังใจดีเยี่ยม เข้มแข็งทั้งกายและใจ มีความมุ่งมั่น ต่อไปนี้สู้กับปัญหาได้ ทุกคนอยากกลับบ้าน
-
จิตแพทย์ บอกว่า น้อง ๆ มีความเข้มแข็งทางใจดี
ตอบรับความเครียดได้ในระดับปกติ มีสภาพร่างกายและจิตใจแข็งแรง
สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
- นักจิตวิทยา บอกว่า น้อง ๆ เข้มแข็งทางใจตั้งแต่อยู่ในถ้ำแล้ว แต่สิ่งที่เป็นห่วงก็มีกระบวนการเตรียมให้ น้อง ๆ มีวิธีที่รับมือพอสมควร
- หมอภาคย์ จะพาเด็ก ๆ ไปเที่ยวโคราช ที่กองพัน
- จิตแพทย์ นักจิตวิทยา เครียดกว่าหมูป่าฯ มีการทำงานเป็นทีม มีความคาดหวัง เพราะทุกคนอยากให้งานออกมาดี น้อง ๆ ทีมหมูป่าฯ ไม่ดื้อ เรียบร้อยดี
- เด็ก ๆ น่ารักมาก ฟังหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ แต่จะฟังโค้ชเอกมากที่สุด เด็ก ๆ อายุ 11-25 ปี มีความอดทนตามวัย แต่ทุกคนมีความเข้มแข็งอย่างเห็นได้ชัด ทีมแพทย์ ได้รับพลังบวกจากน้อง ๆ ด้วยซ้ำ
- น้องอดุลย์ ตอบนาทีที่เห็นนักดำน้ำ เรานั่งขูดหิน แล้วได้ยินเสียงคนพูดกัน โค้ชเอกบอกให้เงียบ ๆ และฟัง จนพบว่าเป็นจริง ตกใจ ดังนั้นพี่เอกก็สั่งให้น้องมิกซ์ลงไปก่อน เพราะน้องมีไฟฉาย แต่น้องกลัว ทางน้องอดุลย์ก็ลงไปแทนแล้วก็ทักทายเลยในจังหวะที่เขากำลังคุยกัน ซึ่งตอนแรกคิดว่าเป็นคนไทย ตกใจเขาเป็นคนอังกฤษ ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ก็เลยพูดไปว่า Hello ตอนนั้นทั้งตกใจ มหัศจรรย์ คิดนานมากกว่าจะตอบไป แล้วเขาดีใจมากที่อยู่ครบ 13 คน
- โค้ชเอก บอกว่า ตนไม่รู้ภาษาอังกฤษ น้องบิวบอกอดุลย์ให้แปล น้องก็ไม่ยอมแปล ตนก็บอกใครรู้ภาษาอังกฤษแปลให้หน่อย น้องบิวก็แปล ส่วนน้องตี๋ให้แปลเร็ว ๆ น้องบิวบอกผมแปลไม่ทัน ใจเย็น ๆ
- ทุกคนดีใจมากที่ได้ยินเสียงนักดำน้ำชาวอังกฤษ เป็นความหวังครั้งแรกในรอบ 10 วัน
- น้องอดุลย์ บอกนักดำน้ำไปว่าอยู่ในถ้ำ 10 วัน ตอนนั้นเรื่องคณิตศาสตร์ อังกฤษ ไม่อยู่ในสมอง น้องบิวก็บอกหิว ๆ อย่างเดียว
- ทุกคนได้ดูฟุตบอลโลกรอบชิงสด ๆ โค้ชเอกบอก สนุกมาก เสียงเชียร์ดังลั่นโรงพยาบาล เสียงน้องมาร์คเชียร์ดังที่สุด คืนนั้นเชียร์ฝรั่งเศส ตอนแรกไม่สนุก แต่พอเห็นนักกีฬาที่ชอบยิงเข้าก็ดีใจ วันนั้นหมออนุญาตให้เชียร์แบบจัดเต็ม ในห้องแบ่งกันเป็นสองล็อก เชียร์โครเอเชียและฝรั่งเศส
- โค้ชเอก ตอบเรื่องเข้าไปในถ้ำทำไม เล่าระหว่างเกิดเหตุ
โค้ชเอก : ปรึกษากันแต่แรกแล้ว น้อง ๆ ก็คุยกันว่าอยากไป เพราะไม่เคยไป ก็เลยวางโปรแกรมซ้อม ไหน ๆ ก็จะไปถ้ำหลวงแล้ว ไปอุ่นเครื่องกันบนดอยไหม เมื่ออุ่นเครื่องเสร็จก็พากันไปถ้ำ เพื่อศึกษาว่ามีอะไรบ้าง ต่างคนก็อยากเห็น ตนเคยไป น้อง ๆ บางคนก็ไม่เคยไป
ตอนออกมาไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไร มารู้ทีหลังว่าคือเมืองบาดาล ตนก็ถามเด็ก ๆ ว่าจะเข้าไปไหม เด็ก ๆ ก็ตกลงกันว่าจะไป ส่วนใหญ่จะว่ายน้ำเป็น บางคนก็ว่ายน้ำไม่เป็น ตนจะพาน้อง ๆ ฝึกว่ายน้ำหลังจากซ้อมบอลเสร็จ
ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าน้ำขึ้นหรือไม่ขึ้น น้องตี๋ เป็นคนเช็กน้ำตลอด ตนก็ตามน้อง ๆ ไปเพื่อเช็กว่าไปต่อได้ไหม และพบว่าไปได้อีก แต่เป็นน้ำ ก็ถามน้อง ๆ ว่าไปต่อไหม แต่มันเกินเวลาที่กำหนดแล้ว ก็ปรึกษาน้องตี๋ ก็ตกลงกันว่ากลับดีกว่า วันหน้าค่อยมาใหม่ ตอนเดินกลับมาเจอที่สามแยก น้องตะโกนมาว่า พี่ เราเจอน้ำ หลงทางหรือเปล่า ไม่หลงแน่นอน เพราะมีทางเดียว ตนก็สำรวจทาง แล้วก็ไปเช็กเอง ว่ามีทางออกไหมพร้อมส่งสัญญาณให้น้อง ความรู้สึกตอนนั้น ด้านล่างเป็นทรายหมดเลย ด้านบนเป็นก้อนหิน และพบว่าทางนี้ออกไม่ได้ ต้องหาทางออกใหม่
น้อง ๆ ก็ถามว่าจะออกยังไง เลยพาน้องขุดร่องให้น้ำระบาย ตอนนั้นประมาณเกือบ 17.00 น. ก็พากันขุดเรื่อย ๆ ไม่มีท่าทีว่าน้ำลดลง น้องตี๋ บอกไปหาที่นอนก่อน เพราะเริ่มมืด ทุกคนก็ตกลงกัน ตนบอกน้องว่าไม่ต้องกลัว น้ำอาจขึ้น-ลง เดี๋ยวรอดูพรุ่งนี้ดีกว่า ไม่มีอาหารการกินอะไรเลย
โค้ชเอก เล่าต่อว่า หลังจากนั้นก็ถอยออกจากสามแยก ก็เจอเนินที่เป็นทราย พบน้ำย้อย ก็บอกให้น้อง ๆ อยู่ใกล้แหล่งน้ำดีกว่า และพากันไหว้พระก่อนนอน ตอนนั้นตนไม่กลัวเพราะคิดว่ายังไงวันรุ่งขึ้นน้ำคงลด
- น้อง ๆ
กลัวว่าจะไม่ได้กลับบ้านแล้วโดนแม่ด่า แล้วกลัวว่าจะไม่ได้ออก ตอนนั้นมืด
ตั้งสติก่อน และหาทางแก้ไขให้ออกไปให้ได้ ใจเย็น ๆ ไม่ตกใจ บอกทุกคนให้สู้
ไม่ต้องท้อ
- น้องตี๋ คอยดูเวลา แล้วหาแหล่งน้ำ กินน้ำจากหินย้อย สะอาดพอที่จะดื่ม รสชาติเหมือนน้ำเปล่าทั่วไป เมื่อวันรุ่งขึ้นเริ่มหิวก็กินน้ำอย่างเดียว พี่เอกบอกให้ทุกคนอยู่นิ่ง ๆ และใช้ไฟฉายอย่างประหยัด ใครมีไฟฉายแรง ๆ ให้ปิดไว้ก่อน และเก็บไว้ใช้ทีหลัง
- ทุกคนอ่อนแรง น้องเล็กที่สุดในทีมก็หน้ามืด ไม่มีแรง หิว หิวมาก ๆ ไม่นึกถึงกับข้าว ไม่งั้นจะทำให้หิว ก็มีนึกถึงข้าวผัด น้ำพริกอ่อง
- เวลาว่างก็พากันใช้ก้อนหินขุดผนังถ้ำลึก 3-4 เมตร เพื่อหาทางออก โค้ชเอกก็คุยว่าจะหาทางออกไหม เราจะทำยังไงดี 1. รอตรงนี้ 2. รอเจ้าหน้าที่มาเจอ จนได้ยินเสียงน้ำ ส่องไฟฉายเจอน้ำไหลมา เลยพาน้อง ๆ ขึ้นเนินนมสาว ไม่ถึงชั่วโมง น้ำก็ขึ้นสูงมาก ไม่ได้ยินเสียงฝนตก รู้แล้วว่าไปไม่ได้ รอเจ้าหน้าที่มาเจออย่างเดียว ขุดผนังหาทางออก อย่างน้อยก็ทำอะไรบ้าง ไม่ใช่แค่นอนรออย่างเดียว สับเปลี่ยนกันเรื่อย ๆ จนกระทั่งพบนักดำน้ำชาวอังกฤษในที่สุด
- พี่ใบเตย หนึ่งในซีล ใส่แต่กางเกงในแล้วเอาฟอยล์ไว้ เพราะเวทสูทเปียกแล้วไม่ได้เตรียมอะไรเข้ามาเลย น้อง ๆ เห็นก็รู้สึกโป๊และตลก
- พี่ใบเตย หนึ่งในซีล บอกว่า หากไม่เจอเด็ก จะไม่กลับเด็ดขาด ตอนเดินทางเข้าถ้ำ ก็จะถูกหินงอกหินย้อยทิ่มตลอด และเชื่อว่าเด็ก ๆ รอดแน่ ๆ ก็ถามเด็ก ๆ ว่า หมูป่าสู้ไหม น้อง ๆ ก็ตอบสู้ครับ หลังจากนั้นก็แก้ผ้าเลย เพราะเสื้อผ้าตนมีพาวเวอร์เจล มีฟอยล์ มียา ไฟฉาย ถ่าน และแจกจ่ายให้กับเด็ก ๆ
- หมอภาคย์ ซีล อยู่กับเด็ก ๆ 9 วัน สอนเดินหมากฮอส เล่นเกมกัน มีความผูกพันกัน ความทรงจำที่เด็ก ๆ มีต่อซีล ผูกพันเหมือนเป็นครอบครัว เพราะปกติพี่ ๆ ซีลอยู่กันเป็นครอบครัวอยู่แล้ว
- รู้สึกพี่ ๆ ซีลเป็นเหมือนพ่อ เพราะเรียกเด็ก ๆ ว่าลูก ดีใจที่พี่ ๆ หากิจกรรมให้ทำตลอด มีเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง
- เวลา 9 วัน หมอภาคย์ เด็ก ๆ ซีล ต้องแบ่งปันกัน ดูแลกัน หมอภาคย์เอ็นดูเด็ก ๆ เพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกชาย
- โค้ชเอก น้องบิว น้องดอม อยากเป็นหน่วยซีล น้องมาร์คละเมออยากกินโจ๊ก
- การเลือกเด็ก ๆ จะมีโค้ชเอก และพี่ ๆ หน่วยซีลพิจารณาว่าใครจะออกก่อน เด็ก ๆ บอกใครออกก่อนก็แล้วแต่เลย ตามความสมัครใจ โค้ชเอกเลยจัดว่าใครบ้านอยู่ไกล ก็ออกก่อน เพราะคิดว่าถ้าออกไปแล้ว ก็จะให้ปั่นจักรยานกลับบ้าน และให้ครอบครัวทำกับข้าวรอไว้เลย และบอกข่าวคนข้างนอก
- ตอนนั้นไม่มีใครอยากออก เพราะติดพี่ ๆ หน่วยซีล เด็ก ๆ ชอบขนมมาก น้อง ๆ อยากขอโทษพ่อแม่ ที่เป็นเด็กดื้อ ตอนเข้าถ้ำบางคนไม่ได้บอกว่าเที่ยวถ้ำ ต่อไปนี้จะบอกตลอดว่าไปไหน ไม่เข้าถ้ำอีกแล้ว
วันที่ 18 กรกฎาคม 2561 เวลาประมาณ 18.00 น. รายการเดินหน้าประเทศไทย
ได้จัดแถลงข่าวส่งหมูป่าฯ กลับบ้าน
โดยมีผู้สื่อข่าวจากหลายสำนักมาร่วมฟังการแถลงข่าว พร้อมด้วยเพื่อน ๆ
ทีมหมูป่าฯ และครอบครัว ซึ่งการแถลงข่าวครั้งนี้
มีการให้ผู้สื่อข่าวส่งคำถามเพื่อคัดกรองความเหมาะสม
ซึ่งพิจารณาโดยนักจิตวิทยา
ก่อนขึ้นเวที น้องทีมหมูป่าฯ ได้พบปะกับเพื่อน ๆ โดยทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส กอดกันด้วยความดีใจ ก่อนที่นายสุทธิชัย หยุ่น จะรับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยมี โค้ชเอก เอกพล จันทะวงษ์ นำทีมน้อง ๆ หมูป่าฯ ให้การแถลงข่าว พร้อมด้วย นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, นายแพทย์ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์, พ.ท. นพ.ภาคย์ โลหารชุน หรือ หมอภาคย์, จิตแพทย์ และนักจิตวิทยา
- น้อง ๆ หมูป่าฯ อาการดีขึ้น คืนสุดท้ายที่อยู่โรงพยาบาล 17 กรกฎาคม 2561 หมูป่าฯ ไม่มีอาการท้อถอย กำลังใจดีเยี่ยม เข้มแข็งทั้งกายและใจ มีความมุ่งมั่น ต่อไปนี้สู้กับปัญหาได้ ทุกคนอยากกลับบ้าน
- หมอภาคย์ เด็ก ๆ พร้อมตั้งแต่อยู่ในถ้ำ
พอกินอาหารได้ก็จะกินเยอะขึ้น คุยกันเรื่องไปเที่ยว อยากกินอะไรอร่อย ๆ
สัญญาว่าจะเอาอาหารแปลก ๆ ให้หมอกิน ไส้อั่วงู อาหารพม่า
- นักจิตวิทยา บอกว่า น้อง ๆ เข้มแข็งทางใจตั้งแต่อยู่ในถ้ำแล้ว แต่สิ่งที่เป็นห่วงก็มีกระบวนการเตรียมให้ น้อง ๆ มีวิธีที่รับมือพอสมควร
- หมอภาคย์ จะพาเด็ก ๆ ไปเที่ยวโคราช ที่กองพัน
- จิตแพทย์ นักจิตวิทยา เครียดกว่าหมูป่าฯ มีการทำงานเป็นทีม มีความคาดหวัง เพราะทุกคนอยากให้งานออกมาดี น้อง ๆ ทีมหมูป่าฯ ไม่ดื้อ เรียบร้อยดี
- เด็ก ๆ น่ารักมาก ฟังหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ แต่จะฟังโค้ชเอกมากที่สุด เด็ก ๆ อายุ 11-25 ปี มีความอดทนตามวัย แต่ทุกคนมีความเข้มแข็งอย่างเห็นได้ชัด ทีมแพทย์ ได้รับพลังบวกจากน้อง ๆ ด้วยซ้ำ
- น้องอดุลย์ ตอบนาทีที่เห็นนักดำน้ำ เรานั่งขูดหิน แล้วได้ยินเสียงคนพูดกัน โค้ชเอกบอกให้เงียบ ๆ และฟัง จนพบว่าเป็นจริง ตกใจ ดังนั้นพี่เอกก็สั่งให้น้องมิกซ์ลงไปก่อน เพราะน้องมีไฟฉาย แต่น้องกลัว ทางน้องอดุลย์ก็ลงไปแทนแล้วก็ทักทายเลยในจังหวะที่เขากำลังคุยกัน ซึ่งตอนแรกคิดว่าเป็นคนไทย ตกใจเขาเป็นคนอังกฤษ ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ก็เลยพูดไปว่า Hello ตอนนั้นทั้งตกใจ มหัศจรรย์ คิดนานมากกว่าจะตอบไป แล้วเขาดีใจมากที่อยู่ครบ 13 คน
- โค้ชเอก บอกว่า ตนไม่รู้ภาษาอังกฤษ น้องบิวบอกอดุลย์ให้แปล น้องก็ไม่ยอมแปล ตนก็บอกใครรู้ภาษาอังกฤษแปลให้หน่อย น้องบิวก็แปล ส่วนน้องตี๋ให้แปลเร็ว ๆ น้องบิวบอกผมแปลไม่ทัน ใจเย็น ๆ
- ทุกคนดีใจมากที่ได้ยินเสียงนักดำน้ำชาวอังกฤษ เป็นความหวังครั้งแรกในรอบ 10 วัน
- น้องอดุลย์ บอกนักดำน้ำไปว่าอยู่ในถ้ำ 10 วัน ตอนนั้นเรื่องคณิตศาสตร์ อังกฤษ ไม่อยู่ในสมอง น้องบิวก็บอกหิว ๆ อย่างเดียว
- ทุกคนได้ดูฟุตบอลโลกรอบชิงสด ๆ โค้ชเอกบอก สนุกมาก เสียงเชียร์ดังลั่นโรงพยาบาล เสียงน้องมาร์คเชียร์ดังที่สุด คืนนั้นเชียร์ฝรั่งเศส ตอนแรกไม่สนุก แต่พอเห็นนักกีฬาที่ชอบยิงเข้าก็ดีใจ วันนั้นหมออนุญาตให้เชียร์แบบจัดเต็ม ในห้องแบ่งกันเป็นสองล็อก เชียร์โครเอเชียและฝรั่งเศส
- โค้ชเอก ตอบเรื่องเข้าไปในถ้ำทำไม เล่าระหว่างเกิดเหตุ
โค้ชเอก : ปรึกษากันแต่แรกแล้ว น้อง ๆ ก็คุยกันว่าอยากไป เพราะไม่เคยไป ก็เลยวางโปรแกรมซ้อม ไหน ๆ ก็จะไปถ้ำหลวงแล้ว ไปอุ่นเครื่องกันบนดอยไหม เมื่ออุ่นเครื่องเสร็จก็พากันไปถ้ำ เพื่อศึกษาว่ามีอะไรบ้าง ต่างคนก็อยากเห็น ตนเคยไป น้อง ๆ บางคนก็ไม่เคยไป
ตนเคยเข้าไปลึกเลยเนินนมสาว
ครั้งที่แล้วไปมีตน น้องดอม น้องโฟล์ค น้องแปง คราวนั้นสามแยกมีน้ำขัง
ครั้งนี้ตนก็เลยเข้าไป ก็ถามเด็ก ๆ ว่าเข้าไปไหม มีเวลา 1 ชั่วโมง
เพราะต้องออก 5 โมง ส่งน้องตั้นเพื่อไปเรียนพิเศษ ไม่ได้ไปฉลองวันเกิดใคร
วันนั้นน้องไนท์บอก ต้องรีบกลับนะเพราะพ่อกับแม่รอฉลองวันเกิด
หากออกจากถ้ำตามเวลาแล้วก็จะพากันไปวันเกิดน้องไนท์
ตอนออกมาไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไร มารู้ทีหลังว่าคือเมืองบาดาล ตนก็ถามเด็ก ๆ ว่าจะเข้าไปไหม เด็ก ๆ ก็ตกลงกันว่าจะไป ส่วนใหญ่จะว่ายน้ำเป็น บางคนก็ว่ายน้ำไม่เป็น ตนจะพาน้อง ๆ ฝึกว่ายน้ำหลังจากซ้อมบอลเสร็จ
ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าน้ำขึ้นหรือไม่ขึ้น น้องตี๋ เป็นคนเช็กน้ำตลอด ตนก็ตามน้อง ๆ ไปเพื่อเช็กว่าไปต่อได้ไหม และพบว่าไปได้อีก แต่เป็นน้ำ ก็ถามน้อง ๆ ว่าไปต่อไหม แต่มันเกินเวลาที่กำหนดแล้ว ก็ปรึกษาน้องตี๋ ก็ตกลงกันว่ากลับดีกว่า วันหน้าค่อยมาใหม่ ตอนเดินกลับมาเจอที่สามแยก น้องตะโกนมาว่า พี่ เราเจอน้ำ หลงทางหรือเปล่า ไม่หลงแน่นอน เพราะมีทางเดียว ตนก็สำรวจทาง แล้วก็ไปเช็กเอง ว่ามีทางออกไหมพร้อมส่งสัญญาณให้น้อง ความรู้สึกตอนนั้น ด้านล่างเป็นทรายหมดเลย ด้านบนเป็นก้อนหิน และพบว่าทางนี้ออกไม่ได้ ต้องหาทางออกใหม่
น้อง ๆ ก็ถามว่าจะออกยังไง เลยพาน้องขุดร่องให้น้ำระบาย ตอนนั้นประมาณเกือบ 17.00 น. ก็พากันขุดเรื่อย ๆ ไม่มีท่าทีว่าน้ำลดลง น้องตี๋ บอกไปหาที่นอนก่อน เพราะเริ่มมืด ทุกคนก็ตกลงกัน ตนบอกน้องว่าไม่ต้องกลัว น้ำอาจขึ้น-ลง เดี๋ยวรอดูพรุ่งนี้ดีกว่า ไม่มีอาหารการกินอะไรเลย
โค้ชเอก เล่าต่อว่า หลังจากนั้นก็ถอยออกจากสามแยก ก็เจอเนินที่เป็นทราย พบน้ำย้อย ก็บอกให้น้อง ๆ อยู่ใกล้แหล่งน้ำดีกว่า และพากันไหว้พระก่อนนอน ตอนนั้นตนไม่กลัวเพราะคิดว่ายังไงวันรุ่งขึ้นน้ำคงลด
- น้องตี๋ คอยดูเวลา แล้วหาแหล่งน้ำ กินน้ำจากหินย้อย สะอาดพอที่จะดื่ม รสชาติเหมือนน้ำเปล่าทั่วไป เมื่อวันรุ่งขึ้นเริ่มหิวก็กินน้ำอย่างเดียว พี่เอกบอกให้ทุกคนอยู่นิ่ง ๆ และใช้ไฟฉายอย่างประหยัด ใครมีไฟฉายแรง ๆ ให้ปิดไว้ก่อน และเก็บไว้ใช้ทีหลัง
- ทุกคนอ่อนแรง น้องเล็กที่สุดในทีมก็หน้ามืด ไม่มีแรง หิว หิวมาก ๆ ไม่นึกถึงกับข้าว ไม่งั้นจะทำให้หิว ก็มีนึกถึงข้าวผัด น้ำพริกอ่อง
- เวลาว่างก็พากันใช้ก้อนหินขุดผนังถ้ำลึก 3-4 เมตร เพื่อหาทางออก โค้ชเอกก็คุยว่าจะหาทางออกไหม เราจะทำยังไงดี 1. รอตรงนี้ 2. รอเจ้าหน้าที่มาเจอ จนได้ยินเสียงน้ำ ส่องไฟฉายเจอน้ำไหลมา เลยพาน้อง ๆ ขึ้นเนินนมสาว ไม่ถึงชั่วโมง น้ำก็ขึ้นสูงมาก ไม่ได้ยินเสียงฝนตก รู้แล้วว่าไปไม่ได้ รอเจ้าหน้าที่มาเจออย่างเดียว ขุดผนังหาทางออก อย่างน้อยก็ทำอะไรบ้าง ไม่ใช่แค่นอนรออย่างเดียว สับเปลี่ยนกันเรื่อย ๆ จนกระทั่งพบนักดำน้ำชาวอังกฤษในที่สุด
- หมอภาคย์ ทีมซีลอยู่กับน้อง
ๆ เพื่ออนุบาลร่างกายให้แข็งแรง มีแผนคือให้รอจนกว่าน้ำลด
กับการใช้ฟูลเฟซมาสก์ ก็รอการตัดสินใจจากข้างนอก จนกระทั่งช่วยน้องออกมาได้
- พี่ใบเตย หนึ่งในซีล ใส่แต่กางเกงในแล้วเอาฟอยล์ไว้ เพราะเวทสูทเปียกแล้วไม่ได้เตรียมอะไรเข้ามาเลย น้อง ๆ เห็นก็รู้สึกโป๊และตลก
- พี่ใบเตย หนึ่งในซีล บอกว่า หากไม่เจอเด็ก จะไม่กลับเด็ดขาด ตอนเดินทางเข้าถ้ำ ก็จะถูกหินงอกหินย้อยทิ่มตลอด และเชื่อว่าเด็ก ๆ รอดแน่ ๆ ก็ถามเด็ก ๆ ว่า หมูป่าสู้ไหม น้อง ๆ ก็ตอบสู้ครับ หลังจากนั้นก็แก้ผ้าเลย เพราะเสื้อผ้าตนมีพาวเวอร์เจล มีฟอยล์ มียา ไฟฉาย ถ่าน และแจกจ่ายให้กับเด็ก ๆ
- หมอภาคย์ ซีล อยู่กับเด็ก ๆ 9 วัน สอนเดินหมากฮอส เล่นเกมกัน มีความผูกพันกัน ความทรงจำที่เด็ก ๆ มีต่อซีล ผูกพันเหมือนเป็นครอบครัว เพราะปกติพี่ ๆ ซีลอยู่กันเป็นครอบครัวอยู่แล้ว
- รู้สึกพี่ ๆ ซีลเป็นเหมือนพ่อ เพราะเรียกเด็ก ๆ ว่าลูก ดีใจที่พี่ ๆ หากิจกรรมให้ทำตลอด มีเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง
- เวลา 9 วัน หมอภาคย์ เด็ก ๆ ซีล ต้องแบ่งปันกัน ดูแลกัน หมอภาคย์เอ็นดูเด็ก ๆ เพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกชาย
-
โค้ชเอก บอกว่า เสียใจกับการจากไปของจ่าแซม
ประทับใจที่ยอมเสียสละชีวิตเพราะปกป้องหมูป่าฯ 13 คน
เพื่อที่จะได้ออกไปใช้ชีวิตอย่างปกติ พอทุกคนรู้ข่าว ตอนแรกก็ช็อก
และเสียใจมาก ๆ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นต้นเหตุให้พี่จ่าแซม
และครอบครัวต้องเสียใจและเดือดร้อน ทุกคนเขียนความในใจส่งถึงครอบครัวจ่าแซม
- ซาบซึ้งในน้ำใจของทุกคน และจะมีสติ จะใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า
ไม่ประมาท น้อง ๆ ได้บทเรียนหลาย ๆ อย่างจากเหตุการณ์นี้
จะเป็นคนดีของสังคม ความฝันจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพนั้นไม่เปลี่ยนไป
ประสบการณ์ครั้งนี้สอนให้เข้มแข็ง อดทน
- โค้ชเอก น้องบิว น้องดอม อยากเป็นหน่วยซีล น้องมาร์คละเมออยากกินโจ๊ก
- การเลือกเด็ก ๆ จะมีโค้ชเอก และพี่ ๆ หน่วยซีลพิจารณาว่าใครจะออกก่อน เด็ก ๆ บอกใครออกก่อนก็แล้วแต่เลย ตามความสมัครใจ โค้ชเอกเลยจัดว่าใครบ้านอยู่ไกล ก็ออกก่อน เพราะคิดว่าถ้าออกไปแล้ว ก็จะให้ปั่นจักรยานกลับบ้าน และให้ครอบครัวทำกับข้าวรอไว้เลย และบอกข่าวคนข้างนอก
- ตอนนั้นไม่มีใครอยากออก เพราะติดพี่ ๆ หน่วยซีล เด็ก ๆ ชอบขนมมาก น้อง ๆ อยากขอโทษพ่อแม่ ที่เป็นเด็กดื้อ ตอนเข้าถ้ำบางคนไม่ได้บอกว่าเที่ยวถ้ำ ต่อไปนี้จะบอกตลอดว่าไปไหน ไม่เข้าถ้ำอีกแล้ว
- โค้ชเอก บอกว่า ตอนอยู่ในถ้ำ ทุกคนบอกว่า
ออกไปต้องโดนพ่อแม่ด่าแน่ ๆ แล้วพอติดเป็น 10 วัน
ก็คิดว่าได้นอนนอกบ้านแน่นอน หลังจากนี้จะบวชให้กับจ่าแซม