ทีมนักโบราณคดีอียิปต์ ตัดสินใจเปิดโลงศพหินแกรนิตสีดำ หนัก 30 ตัน พบมัมมี่ 3 ร่าง อยู่ในสภาพเน่าเปื่อย คาดอาจเป็นของบุคคลสำคัญ ขณะที่ประชาชนเตือนไม่ให้เปิด หวั่นคำสาปอาถรรพ์
เรื่องเล่าลึกลับน่าหวาดหวั่นเกี่ยวกับการค้นพบครั้งนี้ได้แพร่สะพัดไปทั่ว จนผู้คนไม่อยากให้ทางการเปิดโลงศพนี้ออก เพราะเกรงว่าคำสาปอาฆาตที่ถูกผนึกเอาไว้เมื่อหลายพันปีก่อนจะถูกปลดปล่อยออกมา และก่อให้เกิดเหตุร้ายขึ้น
แต่ทางกระทรวงโบราณคดีของอียิปต์ไม่ได้ใส่ใจกับคำเตือนน่ากลัวเหล่านั้น และพวกเขาก็ตัดสินใจเปิดฝาโลงศพหินนี้ออก
จากการรายงานของเว็บไซต์เดอะการ์เดี้ยน
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2561 ระบุว่า โลงศพหินแกรนิตสีดำนี้ถูกพบโดยบังเอิญ ขณะที่คนงานก่อสร้างกำลังขุดดิน
มันฝังอยู่ใต้ดินลึกลงไป 5 เมตร
พื้นผิวดินและปูนโดยรอบแสดงให้เห็นว่ามันนอนนิ่งอยู่แบบนั้นมาเป็นเวลาหลายพันปีนับตั้งแต่วันที่ถูกฝัง
โลงนี้คาดว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยปโตเลมี หรือกว่า 300 ปี ก่อนคริสตกาล
ด้วยความที่มันมีขนาดใหญ่มากแตกต่างจากโลงศพโบราณทั่วไป
เฉพาะแค่ฝาโลงน่าจะมีน้ำหนักร่วม 15 ตันเข้าไปแล้ว
นักโบราณคดีตั้งข้อสังเกตว่ามันอาจจะเป็นโลงศพของบุคคลผู้มีความสำคัญอย่างมากในอดีต และผู้ที่นอนทอดกายอยู่ในนั้นอาจจะเป็นพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ก็เป็นได้
ชาบัน
อับเดล หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านมัมมี่ประจำทีม
วิเคราะห์ว่ามัมมี่เหล่านี้น่าจะเป็นทหาร
เนื่องจากหนึ่งในกะโหลกศีรษะของมัมมี่ที่พบ
ปรากฏร่องรอยบาดเจ็บจากการถูกยิงด้วยธนู นอกจากนี้แล้ว
มุสตาฟาก็ให้ความเห็นว่า มัมมี่ทั้ง 3 ร่างนี้
ไม่น่าจะเป็นชนชั้นสูงของอียิปต์หรือโรมัน เพราะไม่พบเครื่องประดับ
เครื่องราง หน้ากาก หรือของมีค่าอื่น ๆ ฝังไว้ในโลงด้วย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ามัมมี่เหล่านี้จะเน่าเปื่อยเสียหายจากน้ำเสียที่รั่วซึมเข้ามาในโลง แต่โครงกระดูกทั้งสามก็ยังอยู่ในสภาพดี ทั้งหมดจะถูกนำไปตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อค้นหาอายุ สถานะทางสังคม และสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป
ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทีมนักโบราณคดีค้นพบโลงศพหินแกรนิตสีดำ
น้ำหนักกว่า 30 ตัน ฝังลึกอยู่ใต้ดินในเขตพื้นที่เมืองอเล็กซานเดรีย
เมืองโบราณเก่าแก่ทางตอนเหนือของประเทศอียิปต์
การค้นพบครั้งนี้ได้สร้างความตื่นเต้นพอ ๆ กับความน่าขนลุก
เพราะมันเป็นโลงศพที่มีขนาดใหญ่มากผิดปกติ มีความยาว 3 เมตร สูง 2 เมตร
อีกทั้งยังพบหัวรูปปั้นแกะสลักจากหินฝังเอาไว้ด้วยกัน
เชื่อว่าเป็นผู้เฝ้าดูแลหลุมศพแห่งนี้
เรื่องเล่าลึกลับน่าหวาดหวั่นเกี่ยวกับการค้นพบครั้งนี้ได้แพร่สะพัดไปทั่ว จนผู้คนไม่อยากให้ทางการเปิดโลงศพนี้ออก เพราะเกรงว่าคำสาปอาฆาตที่ถูกผนึกเอาไว้เมื่อหลายพันปีก่อนจะถูกปลดปล่อยออกมา และก่อให้เกิดเหตุร้ายขึ้น
แต่ทางกระทรวงโบราณคดีของอียิปต์ไม่ได้ใส่ใจกับคำเตือนน่ากลัวเหล่านั้น และพวกเขาก็ตัดสินใจเปิดฝาโลงศพหินนี้ออก
นักโบราณคดีตั้งข้อสังเกตว่ามันอาจจะเป็นโลงศพของบุคคลผู้มีความสำคัญอย่างมากในอดีต และผู้ที่นอนทอดกายอยู่ในนั้นอาจจะเป็นพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ก็เป็นได้
มุสตาฟา วาซิรี ผู้อำนวยการสภาโบราณคดีแห่งอียิปต์
พร้อมด้วยทีมเจ้าหน้าที่นักโบราณคดี และผู้เชี่ยวชาญด้านมัมมี่
ได้ตัดสินใจเปิดฝาโลงศพหินแกรนิตดังกล่าวเพื่อตรวจสอบ
ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์และความหวาดกลัวของประชาชน
พวกเขาไม่ได้พบกับคำสาปอาฆาตน่าสะพรึงกลัวเหมือนในภาพยนตร์
หรืออะไรทำนองนั้น แต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่พบคือ
น้ำเน่าสีน้ำตาลเข้มเกือบเต็มโลง
คาดว่าน้ำเน่าเหล่านี้มาจากท่อของเสียใต้ดิน
และรั่วซึมเข้าไปในโลงผ่านทางรอยแตกด้านข้าง
เมื่อสูบน้ำออกไปแล้ว ทีมเจ้าหน้าที่ก็พบมัมมี่ 3 ร่าง อยู่ในสภาพเน่าเปื่อยเพราะถูกแช่น้ำ จนมีสภาพเหลือแต่โครงกระดูก
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ามัมมี่เหล่านี้จะเน่าเปื่อยเสียหายจากน้ำเสียที่รั่วซึมเข้ามาในโลง แต่โครงกระดูกทั้งสามก็ยังอยู่ในสภาพดี ทั้งหมดจะถูกนำไปตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อค้นหาอายุ สถานะทางสังคม และสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป