นายณัฐพงษ์ หรือโจ้ อดีตผู้ต้องหาคดีแทงนายธนิต ทัฬหสุนทร เปิดใจหลังศาลยกฟ้องจนพ่อผู้ตายกระโดดตึกดับ ยันเป็นผู้บริสุทธิ์ วอนสังคมฟังความจริงอีกมุม ยันไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล
วันที่ 26 กรกฎาคม 2561 นายณัฐพงษ์ เงินคีรี หรือโจ้
อดีตผู้ต้องหาคดีแทงนายธนิต ทัฬหสุนทร แถลงข่าวพร้อมกับแม่และแฟนสาว
หลังถูกสังคมตั้งคำถามกรณีที่พ่อของผู้ตายกระโดดศาลอาญาเสียชีวิต
ภายหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง
นายณัฐพงษ์ ย้อนเหตุการณ์ว่า วันเกิดเหตุตนกับแฟนไปเล่นสงกรานต์กันแถวซอยดังกล่าว ซึ่งบริเวณนั้นมีน้องที่รู้จัก 2-3 คน เล่นน้ำไปสักพัก พบว่าด้านข้างมีการทะเลาะกัน คือ เต้ ซึ่งเป็นผู้ตาย ได้ไปตบหน้า เบนซ์ ซึ่งตอนนั้นตนไม่ได้รู้จักทั้งคู่ จากนั้น อาแหม่ม ญาติผู้ใหญ่ของโฟล์ค ซึ่งเป็นน้องที่รู้จัก ได้เข้าไปเคลียร์ ขอโทษขอโพยกันในซอยและแยกย้าย ขณะนั้นตนเดินออกมานั่งกินลูกชิ้นที่รถ และได้ยิน นายตง (พยานฝั่งโจทก์ที่ไม่ได้ขึ้นศาล) พูดกับเบนซ์ ว่า "ถ้าคาใจเดี๋ยวกูช่วยมึงเอง"
ต่อมาไม่นาน เต้
ได้เดินเข้าหาตนและถามว่า "แฟนมึงมองหน้ากูมีปัญหาอะไรหรือเปล่า"
จากนั้นเพื่อนของเต้ ก็ได้มาแยกเต้ออกไป
ตนจึงไปถามแฟนว่าไปมองหน้าเต้หรือเปล่า แฟนก็บอกว่าไม่ได้มอง
และเมื่อเห็นท่าไม่ดีเลยจะกลับบ้านกัน แต่ก่อนจะขึ้นรถ เต้
ได้เข้ามาต่อว่าเรื่องเดิมด้วยคำหยาบคาย จนมีปากเสียงและชกต่อยกับตน
ซึ่งอาแหม่มได้มาแยกตนออกไปซอยข้าง ๆ
แต่จากนั้นได้เกิดเหตุตะลุมบอนกันตามที่ปรากฏในคลิป
และตนก็ไม่ได้รู้จักกลุ่มดังกล่าวแต่อย่างใด
ด้านแฟนของโจ้ กล่าวว่า ตนสังเกตเห็นเต้ มองตนชนิดหัวจรดเท้าทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ลักษณะเหมือนเมา สักพักแฟนจึงเรียกมาถามว่าไปมองหน้าเต้หรือเปล่า ตนเห็นท่าไม่ดีจึงชวนแฟนกลับ จากนั้น เต้ ก็ได้ตามมาที่รถก่อนจะมาด่าทอจนชกต่อยกับแฟน ซึ่งพบว่าหลังจากที่แยกตัวออกมาก็ได้มีการตะลุมบอน และตนยังพบว่า เบนซ์ วิ่งออกมาในสภาพมือเปื้อนเลือด บอกว่าตนเป็นคนแทง และยังขอตนกลับไปด้วย แต่ตนไม่อนุญาต ซึ่งตนได้บอกเรื่องนี้กับตำรวจไปแล้ว
นายณัฐพงษ์ ยอมรับว่าที่ผ่านมาใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง ส่วนกรณีที่ถูกสังคมตั้งคำถามต่าง ๆ เช่น เหตุที่ตำรวจไม่ตรวจดีเอ็นเอ เพราะเสื้อผ้าวันที่ถูกจับกุมของตนคือชุดเดิมกับวันที่เกิดเหตุ ยืนยันว่าไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล ทุกวันนี้ประกอบอาชีพขายเสื้อผ้าตามตลาดเท่านั้น ยืนยันว่าในวันยกฟ้องไม่ได้มีเจตนาเยาะเย้ยฝั่งโจทก์ แต่ตนดีใจที่ได้รับความเป็นธรรมจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ที่ผ่านมาไม่กล้าเข้าไปคุยกับอีกฝั่ง เพราะดูจากท่าทางต่าง ๆ น่าจะปักใจเชื่อไปแล้วว่าตนคือคนร้าย ขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียใจมากที่ฝั่งพ่อของเต้ ตัดสินใจฆ่าตัวตาย
แม่ของณัฐพงษ์ ยอมรับว่า ที่ผ่านมาเปรียบเสมือนแพะรับบาป
และรอแค่ได้รับความยุติธรรมจากศาลเท่านั้น
แต่จากกระแสล่าสุดนี้ก็ยังถูกโจมตีเหมือนเดิม ทำให้เกิดความเครียดมาก
จึงอยากขอความเป็นธรรมจากสังคมด้วย
