แม่น้องสปาย เผยได้คุยกับลูกก่อนตาย ครอบครัวยังไม่มีใครรับได้ ชี้อยากย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่นเพื่อให้ลืมเรื่องร้าย ยันบ้านที่อยู่สร้างด้วยน้ำพักน้ำแรง ไม่ใช่เงินเสี่ยอ้วนส่งให้
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
คืบหน้าคดีสังการโหด นางสาวปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือ น้องสปาย อายุ 20 ปี และนายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือ น้องฟอส อายุ 21 ปี ที่ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้มีการควบคุมตัว นายเกียรติศักดิ์ สุรางค์แสงมีบุญ หรือ บอล และนายจิรศักดิ์ อุนัยบัน หรือ ป๊อปปี้ ทีมสังหารทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมกับมีการออกหมายจับเพิ่มอีก 2 คน คือ นายบ่าว และนายกฤษณะ สีสุข หรือ มด คนขับรถก่อเหตุ ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : ออกหมายจับเพิ่มอีก 2 คดียิงฟอส - สปาย หลังนำบอล - ป๊อปปี้ ทำแผน)
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ล่าสุด (4 สิงหาคม 2561) รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานบทสัมภาษณ์ พ.ต.อ. ศักดิ์รพี เพียวพนิช รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ผลการสืบสวนทราบว่า เสี่ยอ้วน หรือ นายปัญญา ยิ่งดัง ผู้ต้องหา คือผู้ที่ลงมือยิงน้องฟอส ส่วนนายบ่าว คือคนยิงน้องสปาย และตามไปยิงน้องฟอสซ้ำ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการวางแผนมาแล้ว เพราะมีการให้นายสายันต์ แฝงตัวเข้ามาอยู่ในกลุ่มของผู้ตาย จากความเคียดแค้นที่เสียเงินทองไปเยอะ ซื้อทั้งบ้าน รถ และเงินสด แต่น้องสปายกลับไม่มีใจให้
ทั้งนี้ นางสาวจอย (นามสมมติ) อดีตพนักงานร้านเสี่ยอ้วน เปิดเผยว่า ตนเองไม่รู้จักนายอ้วนและนายมด ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับเพิ่มล่าสุด แต่นายโก้ ฮิปฮอป เป็นพนักงานเรียกแขกของร้าน ซึ่งคืนวันที่ 28 ก่อนเกิดเหตุ นายโก้ยังมานั่งสังสรรค์กับเพื่อนพนักงานอยู่เลย จึงแปลกใจว่าเข้าไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร ซึ่งส่วนตัวที่รู้จักเสี่ยอ้วน รู้ว่าเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ไม่ใช่คนหาเรื่องใครก่อน จะมีเรื่องก็เพราะลูกค้าเมาวุ่นวาย หรือลวนลามเด็กในร้าน
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ขณะที่ นางสาววันเพ็ญ นาเมืองรักษ์ แม่ของน้องสปาย เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวยังไม่มีใครทำใจได้ ทั้งพ่อ และพี่ชายน้องสปาย ที่ยังร้องไห้ และบางครั้งก็นอนละเมอหาน้องสาว บอกว่าน้องยังไม่ตาย ๆ ซึ่งวันที่เกิดเหตุ ตนไม่คิดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกัน ลูกสาววิดีโอคอลมาหาบอกว่ามาเที่ยวชลบุรี อยากพาแม่มาด้วยก่อนจะวางสายไป จนมาช่วงเย็นตนได้รับสายจากเจ้าหน้าที่ ก็ช็อกเลยเมื่อรู้ว่าลูกและน้องฟอสถูกยิงเสียชีวิตแล้ว
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ที่ผ่านมา ช่วงประมาณเดือนเมษายน น้องสปายกลับมาที่บ้าน เสี่ยอ้วนก็ยังโทร. มาตามง้อ บอกรัก อยากจะแต่งงานด้วย ตนก็มีเตือนลูกไปแล้ว แต่เขาก็ยังขอจะกลับไปทำงานที่ภูเก็ต เพราะต้องการหาเงินให้ครอบครัว ตามความฝันของเขาที่อยากมีเงิน อยากมีรถ อยากให้ครอบครัวสบาย ซึ่งประเด็นที่ว่าเสี่ยอ้วนส่งเงินมาให้ 1 ล้านนั้น ยอมรับว่าจริง แต่บ้านหลังนี้คือเงินที่ตนทำงานจากการขายของที่ตลาดนัด
ทุกวันนี้ ตนและครอบครัวอยากจะขายบ้านและย้ายไปอยู่ที่อื่น เพราะเมื่ออยู่ก็ยังคงเห็นภาพเลวร้ายอยู่แบบนี้ ซึ่งต่อจากนี้ก็จะปรึกษาครอบครัวน้องฟอส เพื่อจะเดินทางไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ชลบุรี เพื่อขอบคุณ
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ด้าน นางสาวจอมศรี ชมภูพื้น อายุ 43 ปี แม่ของน้องฟอส เปิดเผยว่า ตนก็จะเดินทางไปขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ทำงานคดีนี้เช่นกันที่ช่วยเหลือ ครอบครัวตนมีน้องฟอสเป็นเสาหลัก ค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อเดือนคือ 10,000 บาท น้องก็เป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งหลังเสร็จพิธีงานแล้ว ตนก็มีการขยายรูปลูกชาย รูปที่เขาชอบขณะแต่งตัวฟ้อนรำ นำมาใส่กรอบเพื่อติดไว้ที่บ้าน ลูกชายชอบกิจกรรมรำงานบุญบั้งไฟประจำปี ทุกครั้งที่มีงานเขาก็จะออกไปรับงาน เมื่อได้เงินมาครั้งละ 300-500 บาท เขาก็จะเอามาให้แม่
สำหรับในเรื่องของคดีความ ตนยังไม่ได้รับแจ้งข้อมูลใด ๆ เพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ มีเพียงใบรับรองการเสียชีวิตจากตำรวจเท่านั้น ซึ่งตนอยากให้เจ้าหน้าที่จับกุมตัวคนร้ายมาให้ได้ ตนอยากจะถามเขาว่า ทำกับน้องแบบนี้ทำไม รู้ไหมว่าเขามีภาระที่ต้องดูแล ไม่จำเป็นว่าจะต้องมาขอขมา มากราบ เพราะครอบครัวส่งน้องไปสบายแล้ว
อย่างไรก็ดี อยากให้เสี่ยอ้วน ได้รับผลของการกระทำเหมือนที่น้องได้รับ อยากให้ลงโทษประหาร เพราะทำผิดก็ต้องรับโทษ ต้องจากไปเหมือนลูกตน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรมาทดแทนกันได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
คืบหน้าคดีสังการโหด นางสาวปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือ น้องสปาย อายุ 20 ปี และนายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือ น้องฟอส อายุ 21 ปี ที่ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้มีการควบคุมตัว นายเกียรติศักดิ์ สุรางค์แสงมีบุญ หรือ บอล และนายจิรศักดิ์ อุนัยบัน หรือ ป๊อปปี้ ทีมสังหารทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมกับมีการออกหมายจับเพิ่มอีก 2 คน คือ นายบ่าว และนายกฤษณะ สีสุข หรือ มด คนขับรถก่อเหตุ ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : ออกหมายจับเพิ่มอีก 2 คดียิงฟอส - สปาย หลังนำบอล - ป๊อปปี้ ทำแผน)
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ล่าสุด (4 สิงหาคม 2561) รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานบทสัมภาษณ์ พ.ต.อ. ศักดิ์รพี เพียวพนิช รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ผลการสืบสวนทราบว่า เสี่ยอ้วน หรือ นายปัญญา ยิ่งดัง ผู้ต้องหา คือผู้ที่ลงมือยิงน้องฟอส ส่วนนายบ่าว คือคนยิงน้องสปาย และตามไปยิงน้องฟอสซ้ำ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการวางแผนมาแล้ว เพราะมีการให้นายสายันต์ แฝงตัวเข้ามาอยู่ในกลุ่มของผู้ตาย จากความเคียดแค้นที่เสียเงินทองไปเยอะ ซื้อทั้งบ้าน รถ และเงินสด แต่น้องสปายกลับไม่มีใจให้
ทั้งนี้ นางสาวจอย (นามสมมติ) อดีตพนักงานร้านเสี่ยอ้วน เปิดเผยว่า ตนเองไม่รู้จักนายอ้วนและนายมด ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับเพิ่มล่าสุด แต่นายโก้ ฮิปฮอป เป็นพนักงานเรียกแขกของร้าน ซึ่งคืนวันที่ 28 ก่อนเกิดเหตุ นายโก้ยังมานั่งสังสรรค์กับเพื่อนพนักงานอยู่เลย จึงแปลกใจว่าเข้าไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร ซึ่งส่วนตัวที่รู้จักเสี่ยอ้วน รู้ว่าเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ไม่ใช่คนหาเรื่องใครก่อน จะมีเรื่องก็เพราะลูกค้าเมาวุ่นวาย หรือลวนลามเด็กในร้าน
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ขณะที่ นางสาววันเพ็ญ นาเมืองรักษ์ แม่ของน้องสปาย เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวยังไม่มีใครทำใจได้ ทั้งพ่อ และพี่ชายน้องสปาย ที่ยังร้องไห้ และบางครั้งก็นอนละเมอหาน้องสาว บอกว่าน้องยังไม่ตาย ๆ ซึ่งวันที่เกิดเหตุ ตนไม่คิดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกัน ลูกสาววิดีโอคอลมาหาบอกว่ามาเที่ยวชลบุรี อยากพาแม่มาด้วยก่อนจะวางสายไป จนมาช่วงเย็นตนได้รับสายจากเจ้าหน้าที่ ก็ช็อกเลยเมื่อรู้ว่าลูกและน้องฟอสถูกยิงเสียชีวิตแล้ว
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ที่ผ่านมา ช่วงประมาณเดือนเมษายน น้องสปายกลับมาที่บ้าน เสี่ยอ้วนก็ยังโทร. มาตามง้อ บอกรัก อยากจะแต่งงานด้วย ตนก็มีเตือนลูกไปแล้ว แต่เขาก็ยังขอจะกลับไปทำงานที่ภูเก็ต เพราะต้องการหาเงินให้ครอบครัว ตามความฝันของเขาที่อยากมีเงิน อยากมีรถ อยากให้ครอบครัวสบาย ซึ่งประเด็นที่ว่าเสี่ยอ้วนส่งเงินมาให้ 1 ล้านนั้น ยอมรับว่าจริง แต่บ้านหลังนี้คือเงินที่ตนทำงานจากการขายของที่ตลาดนัด
ทุกวันนี้ ตนและครอบครัวอยากจะขายบ้านและย้ายไปอยู่ที่อื่น เพราะเมื่ออยู่ก็ยังคงเห็นภาพเลวร้ายอยู่แบบนี้ ซึ่งต่อจากนี้ก็จะปรึกษาครอบครัวน้องฟอส เพื่อจะเดินทางไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ชลบุรี เพื่อขอบคุณ
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ด้าน นางสาวจอมศรี ชมภูพื้น อายุ 43 ปี แม่ของน้องฟอส เปิดเผยว่า ตนก็จะเดินทางไปขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ทำงานคดีนี้เช่นกันที่ช่วยเหลือ ครอบครัวตนมีน้องฟอสเป็นเสาหลัก ค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อเดือนคือ 10,000 บาท น้องก็เป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งหลังเสร็จพิธีงานแล้ว ตนก็มีการขยายรูปลูกชาย รูปที่เขาชอบขณะแต่งตัวฟ้อนรำ นำมาใส่กรอบเพื่อติดไว้ที่บ้าน ลูกชายชอบกิจกรรมรำงานบุญบั้งไฟประจำปี ทุกครั้งที่มีงานเขาก็จะออกไปรับงาน เมื่อได้เงินมาครั้งละ 300-500 บาท เขาก็จะเอามาให้แม่
สำหรับในเรื่องของคดีความ ตนยังไม่ได้รับแจ้งข้อมูลใด ๆ เพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ มีเพียงใบรับรองการเสียชีวิตจากตำรวจเท่านั้น ซึ่งตนอยากให้เจ้าหน้าที่จับกุมตัวคนร้ายมาให้ได้ ตนอยากจะถามเขาว่า ทำกับน้องแบบนี้ทำไม รู้ไหมว่าเขามีภาระที่ต้องดูแล ไม่จำเป็นว่าจะต้องมาขอขมา มากราบ เพราะครอบครัวส่งน้องไปสบายแล้ว
อย่างไรก็ดี อยากให้เสี่ยอ้วน ได้รับผลของการกระทำเหมือนที่น้องได้รับ อยากให้ลงโทษประหาร เพราะทำผิดก็ต้องรับโทษ ต้องจากไปเหมือนลูกตน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรมาทดแทนกันได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก