พ่อน้องเอเดน เผยความหวังถ้าน้องได้รับบริจาคสเต็มเซลล์ก็มีสิทธิ์รอดชีวิต เผยน้องป่วยตั้งแต่กำเนิด เคยต้องอยู่ในห้องปอดเชื้อ 1 เดือน จากอาการปอดติดเชื้อ ที่ลามจากแค่ไข้หวัดปกติเท่านั้น
วันที่ 15 สิงหาคม 2561 รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานบทสัมภาษณ์ นายวสันต์ สีตก พ่อของน้องเอเดน เด็กชายอายุ 5 เดือน ที่ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด ซึ่งเรื่องราวของเขาถูกแชร์และเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ขณะนี้ โดย นายวสันต์ เปิดเผยว่า ผลการตรวจจากโรงพยาบาลเด็กวินิจฉัยออกมาแล้วว่า น้องเอเดน เข้าข่ายเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด และขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจเชิงลึกระดับโครโมโซมเพื่อยันยันที่แน่ชัดอีกครั้ง แต่ก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะตั้งแต่เกิดมาน้องป่วยง่าย รับเชื้อโรครอบข้างเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่าเด็กทั่วไป
ล่าสุด น้องเอเดน ต้องเข้าพักรักษาตัวในห้องปลอดเชื้อ เป็นเวลา 1 เดือน จากอาการป่วยปอดอักเสบ ที่เริ่มจากการป่วยเป็นไข้หวัดปกติเท่านั้น แต่ไข้หวัดลามลงไปถึงปอด
นายวสันต์ เผยต่อว่า การรักษาน้องที่เห็นผลที่จะทำให้กลับมาเป็นเด็กปกติคือการรักษาด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ ในปัจจุบันที่สภากาชาดมีผู้บริจาคสเต็มเซลล์อยู่ที่กว่า 200,000 คน แต่ผู้ที่ป่วยมาขอรับมากถึง 10,000 คน ซึ่งอัตราผู้รับและผู้ให้ที่สามารถเข้ากันได้มีอยู่ที่ 1 ต่อ 10,000 คนเท่านั้น และค่าใช้จ่ายก็สูงถึง 1,000,000 บาท
ทั้งนี้ จึงอยากวอนให้ประชาชนร่วมบริจาคสเต็มเซลล์ เพื่อเป็นการต่อความหวังให้แก่ผู้ป่วย ให้มีโอกาสมีชีวิตอยู่ต่อ ซึ่งผู้ป่วยที่ต้องการสเต็มเซลล์ ไม่ใช่มีแค่ผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคธารัสซีเมีย หรือโรคที่เกี่ยวกับเลือดทั้งหมด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
วันที่ 15 สิงหาคม 2561 รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานบทสัมภาษณ์ นายวสันต์ สีตก พ่อของน้องเอเดน เด็กชายอายุ 5 เดือน ที่ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด ซึ่งเรื่องราวของเขาถูกแชร์และเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ขณะนี้ โดย นายวสันต์ เปิดเผยว่า ผลการตรวจจากโรงพยาบาลเด็กวินิจฉัยออกมาแล้วว่า น้องเอเดน เข้าข่ายเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด และขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจเชิงลึกระดับโครโมโซมเพื่อยันยันที่แน่ชัดอีกครั้ง แต่ก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะตั้งแต่เกิดมาน้องป่วยง่าย รับเชื้อโรครอบข้างเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่าเด็กทั่วไป
ล่าสุด น้องเอเดน ต้องเข้าพักรักษาตัวในห้องปลอดเชื้อ เป็นเวลา 1 เดือน จากอาการป่วยปอดอักเสบ ที่เริ่มจากการป่วยเป็นไข้หวัดปกติเท่านั้น แต่ไข้หวัดลามลงไปถึงปอด
นายวสันต์ เผยต่อว่า การรักษาน้องที่เห็นผลที่จะทำให้กลับมาเป็นเด็กปกติคือการรักษาด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ ในปัจจุบันที่สภากาชาดมีผู้บริจาคสเต็มเซลล์อยู่ที่กว่า 200,000 คน แต่ผู้ที่ป่วยมาขอรับมากถึง 10,000 คน ซึ่งอัตราผู้รับและผู้ให้ที่สามารถเข้ากันได้มีอยู่ที่ 1 ต่อ 10,000 คนเท่านั้น และค่าใช้จ่ายก็สูงถึง 1,000,000 บาท
ทั้งนี้ จึงอยากวอนให้ประชาชนร่วมบริจาคสเต็มเซลล์ เพื่อเป็นการต่อความหวังให้แก่ผู้ป่วย ให้มีโอกาสมีชีวิตอยู่ต่อ ซึ่งผู้ป่วยที่ต้องการสเต็มเซลล์ ไม่ใช่มีแค่ผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคธารัสซีเมีย หรือโรคที่เกี่ยวกับเลือดทั้งหมด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
