ภรรยาสะเทือนใจ มองดูสามีถูก ตม. พาตัวไปต่อหน้า ขณะขับรถพาเธอไปทำคลอด

           มันเป็นช่วงเวลาบีบหัวใจของผู้เป็นภรรยา เมื่อต้องทนมองดูสามีถูกคนกลุ่มหนึ่งพาตัวไปต่อหน้า กักขังไว้อย่างไร้อิสรภาพ และไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกเขาว่าเธอคลอดลูกชายตัวน้อยออกมาได้อย่างปลอดภัย สิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นกับหญิงชาวอเมริกันรายหนึ่งที่ชื่อ มาเรีย เดล คาร์เมน เวเนกัส และมันก็ทำให้เธอรู้สึกทั้งสับสนและร้อนใจอย่างหนัก  

 

           โดยจากรายงานของเว็บไซต์มิเรอร์ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2561 เผยว่า ในไม่กี่วันก่อนหน้านี้เป็นวันครบกำหนดคลอดของมาเรีย เดล คาร์เมน ทั้งเธอและสามีต่างก็เฝ้ารอให้วันนี้มาถึงอย่างใจจดจ่อ อยากจะได้เห็นหน้าลูกน้อยในครรภ์ให้ชื่นใจ โจเอล อาร์รอนน่า-ลาร่า ผู้เป็นสามีได้พาภรรยาของเขาขึ้นรถ เพื่อจะพาภรรยาไปทำคลอดที่โรงพยาบาล โดยไม่รู้เลยว่าเขาคงไม่มีโอกาสได้อยู่เคียงข้างภรรยาขณะที่เธอคลอดอีกแล้ว

 

           หลังขับรถออกจากบ้านในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ได้ไม่นาน รถของโจเอลก็ถูกเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐอเมริกา (ICE) เรียกให้หยุดที่ปั๊มน้ำมันใกล้บ้าน ทั้งคู่ถูกขอให้แสดงเอกสารประจำตัว ซึ่ง มาเรีย เดล คาร์เมน นั้นมีเอกสารพร้อมและสามารถยืนยันตัวเองได้ ขณะที่โจเอลกลับไม่เป็นเช่นนั้น เขาอ้างว่าตัวเองลืมบัตรประจำตัวไว้ที่บ้าน

 

           แม้โจเอลจะขอกลับไปหยิบบัตรที่บ้าน แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ยินยอม พวกเขารีบเข้าไปตรวจค้นรถของโจเอลเพื่อหาอาวุธ ก่อนจะจับเขาใส่กุญแจมือและพาตัวออกไป ต่อหน้าภรรยาท้องแก่ที่ถูกทิ้งไว้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งนั้น ทำให้ผู้เป็นภรรยาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากขับรพไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง

 

           ทั้งนี้หลังจากทำการผ่าคลอดลูกชายได้สำเร็จ มาเรีย เดล คาร์เมน ก็ได้เผยกับสื่ออย่างแสนปวดใจว่า เธอต้องคลอดลูกน้อยตามลำพัง เพราะสามีของเธอถูกเจ้าหน้าที่จับตัวไป เธอยอมรับว่าผู้เป็นสามี ซึ่งเป็นชาวเม็กซิโก เป็นหนึ่งในคนที่เข้ามาอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ อย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เขาก็ไม่เคยมีปัญหากับตำรวจ ไม่เคยได้รับใบสั่งเลยด้วยซ้ำ

           "ตอนนี้ฉันรู้สึกแย่มาก สามีของฉันต้องอยู่ที่นี่ เขารอลูกชายของเขามานานแล้ว แต่ก็มีใครบางคนพาเขาไปจากฉัน ฉันไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น" มาเรีย เดล คาร์เมน กล่าว

 

           ขณะที่ทาง ICE ได้อ้างกับสื่อท้องถิ่นว่า สาเหตุที่ต้องทำการจับกุมโจเอล เพราะเขาเป็นที่ต้องการตัวในประเทศบ้านเกิด และยังมีหมายจับข้อหาฆาตกรรมติดตัวมาด้วย อย่างไรก็ตามในแถลงการณ์หลังจากนั้นของทางหน่วยงาน กลับไม่มีการพูดถึงข้อหาฆาตกรรมใด ๆ บอกเพียงว่าโจเอลได้ถูกควบคุมตัวไว้แล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการเนรเทศกลับประเทศ 

 

           ทางด้านทนายของโจเอล ชี้ว่าข้อหาฆาตกรรมของเขานั้นไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ แต่ในเอกสารการจับกุมเขา กลับระบุข้อหาเพียงอยู่ในประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น 

 

           อย่างไรก็ตามจากสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้เป็นภรรยาได้ออกมาร้องขอความเห็นใจผ่านสื่อ โดยระบุว่าสิ่งสุดท้ายที่สามีได้รู้ก็คือ เธอไปถึงโรงพยาบาลแล้ว แต่หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อเขาอีก จึงไม่มีโอกาสแม้แต่จะเล่าเรื่องลูกที่คลอดให้สามีฟัง ซึ่งเธอแน่ใจว่าเขาจะต้องเป็นกังวลถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอน