ลุงซวยหนัก โดนบริษัทเก่าสวมชื่อ สร้างโปรไฟล์มีรายได้หมุนเวียนปีละ 1.6 ล้าน เจอสรรพากรบี้เก็บภาษีถึงบ้าน ซ้ำเสียโอกาสทำบัตรคนจนไม่ได้ ล่าสุดเข้าแจ้งความ จี้บริษัทออกมารับผิดชอบ
โดยนายเลียบ
เล่าว่า เมื่อปี 2559 ตนเคยทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ
ทำหน้าที่ขับรถรับจ้างขนส่งเป็นรอบ ๆ ซึ่งหลักฐานในการสมัครงาน
มีบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และใบอนุญาตขับขี่
ตอนนั้นมีรายได้ประมาณ 10,000-12,000 บาทต่อเดือน
และจะรับเงินค่าจ้างเป็นเงินสดไม่ได้ผ่านบัญชี แต่ทำงานได้แค่ประมาณ 2
เดือนก็ลาออก และไปทำงานรับจ้างก่อสร้างที่ จ.นครปฐม จนถึงปัจจุบัน
กระทั่งลูกสาวโทร. มาบอกว่ามีเจ้าหน้าที่จากสรรพากรมาแจ้งให้ไปยื่นแบบภาษี โดยระบุว่าตนมีเงินรายได้ปีละกว่า 1,600,000 บาท ตอนนั้นตนตกใจมากจึงรีบกลับบ้านเพื่อจะเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงกับสรรพกรว่า ตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไปมีรายได้เพียงวันละ 300-400 บาทเท่านั้น และไม่เคยไปทำธุรกรรมใด ๆ
นอกจากนี้
ตนกับภรรยาเคยไปยื่นขอทำบัตรคนจนตามโครงการของรัฐบาล
แต่ไม่ผ่านเพราะพอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบในระบบพบว่ามีรายได้เฉลี่ยเดือนละกว่า 1
แสนบาท ทั้งที่ไม่เป็นความจริง
จึงเชื่อว่าน่าจะถูกปลอมแปลงเอกสารจากบริษัทเก่าแน่นอน
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตนและครอบครัวเดือดร้อนมาก นอกจากจะต้องถูกสรรพากรเรียกเก็บภาษีแล้ว ครอบครัวยังเสียโอกาสที่จะได้รับสวัสดิการจากภาครัฐตามที่ควรจะได้ด้วย จึงอยากจะเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาตรวจสอบช่วยเหลือและหาทางแก้ไขปัญหาให้กับตนและครอบครัว ซึ่งเบื้องต้นได้ไปแจ้งความไว้แล้ว และอยากให้ทางบริษัทออกมาแสดงความรับผิดชอบ แต่หากทางบริษัทไม่ออกมารับผิดชอบ ก็จะแจ้งความเอาผิดตามกฎหมายต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
วันที่ 20 สิงหาคม 2561 เว็บไซต์แนวหน้า
รายงานว่า นายเลียบ เมียดเตียบ อายุ 53
ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ พร้อมภรรยาและลูกสาวได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม
หลังจากมีเจ้าหน้าที่สรรพากรสาขาประโคนชัย มาพบที่บ้าน
แจ้งว่าให้ไปยื่นแบบภาษี
เนื่องจากตรวจสอบในระบบพบว่านายเลียบมีชื่อเป็นผู้มีรายได้หมุนเวียนปีละกว่า
1,600,000 บาท ตั้งแต่ปี 2559 ที่ผ่านมา ทั้งที่นายเลียบ
และครอบครัวมีอาชีพรับจ้างทั่วไปและมีฐานะยากจน
กระทั่งลูกสาวโทร. มาบอกว่ามีเจ้าหน้าที่จากสรรพากรมาแจ้งให้ไปยื่นแบบภาษี โดยระบุว่าตนมีเงินรายได้ปีละกว่า 1,600,000 บาท ตอนนั้นตนตกใจมากจึงรีบกลับบ้านเพื่อจะเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงกับสรรพกรว่า ตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไปมีรายได้เพียงวันละ 300-400 บาทเท่านั้น และไม่เคยไปทำธุรกรรมใด ๆ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตนและครอบครัวเดือดร้อนมาก นอกจากจะต้องถูกสรรพากรเรียกเก็บภาษีแล้ว ครอบครัวยังเสียโอกาสที่จะได้รับสวัสดิการจากภาครัฐตามที่ควรจะได้ด้วย จึงอยากจะเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาตรวจสอบช่วยเหลือและหาทางแก้ไขปัญหาให้กับตนและครอบครัว ซึ่งเบื้องต้นได้ไปแจ้งความไว้แล้ว และอยากให้ทางบริษัทออกมาแสดงความรับผิดชอบ แต่หากทางบริษัทไม่ออกมารับผิดชอบ ก็จะแจ้งความเอาผิดตามกฎหมายต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก