บิ๊กโจ๊ก ระบุ คดีข่มขืนแหม่มเกาะเต่า ส่อเค้าโกหกสร้างเรื่องสูง หลังลงพื้นที่ตรวจจุดเกิดเหตุละเอียด เตรียมประสานสถานทูตเรียกเจ้าตัวส่งหลักฐาน พร้อมเตรียมออกหมายจับเพจดัง CSI LA - สมุยไทม์ ลงข้อมูลเท็จทำลายประเทศ
![ข่มขืนเกาะเต่า]( "ข่มขืนเกาะเต่า")
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2561 พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยภายหลังเข้าพบกับกงสุลใหญ่ประเทศอังกฤษประจำประเทศไทย เพื่อติดตามข้อเท็จจริงกรณีหญิงสาวอายุ 19 ปี นักท่องเที่ยวสัญชาติอังกฤษ อ้างว่าถูกชายแปลกหน้าวางยาจนไม่รู้สึกตัวและถูกข่มขืน หลังจากนั่งดื่มที่บาร์แห่งหนึ่งบริเวณหาดทรายรี ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน ช่วงคืนวันที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา ว่า วันนี้ได้นำหลักฐานหนังสือการรายงานผลตรวจสอบทั้งวัตถุพยาน นิติวิทยาศาสตร์ จากการลงพื้นที่ตามเวลาเสมือนที่เกิดเหตุ มาให้ทีมกงสุล
ล่าสุดจากการลงพื้นที่พบว่า ในคืนวันเกิดเหตุตรงกับขึ้น 14 ค่ำ พระจันทร์เต็มดวง และคืนดังกล่าวมีน้ำทะเลหนุนสูงไม่สามารถนั่งดื่มที่บริเวณริมชายหาด ก่อนที่จะถูกมอมและพาไปข่มขืนบริเวณโขดหินห่างจากร้านฟิสโบล์ว ประมาณ 300 เมตร นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบอีกว่า การเดินไปยังจุดเกิดเหตุจะต้องเดินลุยน้ำทะเลไปยังโขดหิน ซึ่งจะเป็นจุดสนใจจากผู้คนมากมาย เนื่องจากวันเกิดเหตุมีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก และเชื่อว่าไม่สามารถเล็ดลอดสายตาของเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยบริเวณริมชายหาดที่มีการวางกำลังอย่างเข้มงวดในคืนดังกล่าวได้ จึงเชื่อว่าคำกล่าวอ้างของสาวอังกฤษคนดังกล่าวไม่สามารถเป็นไปได้ จึงทำให้สามารถสรุปได้ว่า จากพยานหลักฐานที่ตรวจสอบ สรุปได้ว่าไม่มีการวางยาและการข่มขืนเกิดขึ้น
![ข่มขืนเกาะเต่า]( "ข่มขืนเกาะเต่า")
พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ทางสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทยเตรียมจะประสานไปยังผู้เสียหายให้นำหลักฐาน เช่น เสื้อผ้าที่มีคราบอสุจิติดอยู่ส่งกลับมาตรวจสอบ รวมถึงคำให้การของหญิงสาวชาวอังกฤษที่ให้ไว้กับตำรวจอังกฤษ มาตรวจสอบเพิ่มเติมอีกด้วย คาดว่าจะใช้ระยะเวลาเร็วที่สุดภายในหนึ่งเดือน
ส่วนกรณีที่ระบุว่าแม่ของผู้เสียหายจะเดินทางมายังประเทศไทย เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีนั้น ทางพลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ ระบุว่า แม่ของผู้เสียหายไม่ใช่พยานบุคคลที่สำคัญ จึงไม่มีผลต่อรูปคดี และหลังจากนี้ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งตั้งคณะทำงานเพื่อเดินทางไปสอบปากคำหญิงสาวชาวอังกฤษ หรือประเทศอังกฤษ พร้อมยืนยันว่าเตรียมออกหมายจับเจ้าของเพจ 2 เพจ คือ CSI LA และสมุยไทม์ ที่โพสต์ข้อความเหตุการณ์ดังกล่าวจนสร้างความเสื่อมเสียทางด้านการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้สามารถพิสูจน์ตัวตนของเจ้าของเพจได้แล้ว
![ข่มขืนเกาะเต่า]( "ข่มขืนเกาะเต่า")
โดยหลังจากนี้หากมีการตรวจสอบพบว่าหญิงสาวชาวอังกฤษมีการโพสต์ข้อความอันเป็นเท็จ ก็จะดำเนินการตามข้อกฎหมายของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและกฎหมายอาญาของประเทศไทย ขณะที่ก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งความเท็จของชาวต่างชาติทำให้เกิดความเสื่อมเสียทางด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย รวม 4 คดี ในพื้นที่ จ.กระบี่ เกาะสมุย และเกาะเต่า ซึ่งทางตำรวจได้ดำเนินการแจ้งความและผลักดันออกนอกประเทศ พร้อมกับขึ้นแบล็กลิสต์ถาวร เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ปัญหาในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นอีกในอนาคต
ขณะที่จากการพูดคุยในครั้งนี้ทางกงสุลใหญ่ประเทศอังกฤษประจำประเทศไทย ได้ชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการหาข้อเท็จจริงดังกล่าว แม้ว่าสาวชาวอังกฤษจะไม่มีการแจ้งข้อหาข่มขืน แต่ตอนนี้ตำรวจของไทยก็สามารถหาพยานหลักฐานมาหักล้าง และทำงานอย่างเต็มที่
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2561 พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยภายหลังเข้าพบกับกงสุลใหญ่ประเทศอังกฤษประจำประเทศไทย เพื่อติดตามข้อเท็จจริงกรณีหญิงสาวอายุ 19 ปี นักท่องเที่ยวสัญชาติอังกฤษ อ้างว่าถูกชายแปลกหน้าวางยาจนไม่รู้สึกตัวและถูกข่มขืน หลังจากนั่งดื่มที่บาร์แห่งหนึ่งบริเวณหาดทรายรี ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน ช่วงคืนวันที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา ว่า วันนี้ได้นำหลักฐานหนังสือการรายงานผลตรวจสอบทั้งวัตถุพยาน นิติวิทยาศาสตร์ จากการลงพื้นที่ตามเวลาเสมือนที่เกิดเหตุ มาให้ทีมกงสุล
ล่าสุดจากการลงพื้นที่พบว่า ในคืนวันเกิดเหตุตรงกับขึ้น 14 ค่ำ พระจันทร์เต็มดวง และคืนดังกล่าวมีน้ำทะเลหนุนสูงไม่สามารถนั่งดื่มที่บริเวณริมชายหาด ก่อนที่จะถูกมอมและพาไปข่มขืนบริเวณโขดหินห่างจากร้านฟิสโบล์ว ประมาณ 300 เมตร นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบอีกว่า การเดินไปยังจุดเกิดเหตุจะต้องเดินลุยน้ำทะเลไปยังโขดหิน ซึ่งจะเป็นจุดสนใจจากผู้คนมากมาย เนื่องจากวันเกิดเหตุมีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก และเชื่อว่าไม่สามารถเล็ดลอดสายตาของเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยบริเวณริมชายหาดที่มีการวางกำลังอย่างเข้มงวดในคืนดังกล่าวได้ จึงเชื่อว่าคำกล่าวอ้างของสาวอังกฤษคนดังกล่าวไม่สามารถเป็นไปได้ จึงทำให้สามารถสรุปได้ว่า จากพยานหลักฐานที่ตรวจสอบ สรุปได้ว่าไม่มีการวางยาและการข่มขืนเกิดขึ้น
พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ทางสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทยเตรียมจะประสานไปยังผู้เสียหายให้นำหลักฐาน เช่น เสื้อผ้าที่มีคราบอสุจิติดอยู่ส่งกลับมาตรวจสอบ รวมถึงคำให้การของหญิงสาวชาวอังกฤษที่ให้ไว้กับตำรวจอังกฤษ มาตรวจสอบเพิ่มเติมอีกด้วย คาดว่าจะใช้ระยะเวลาเร็วที่สุดภายในหนึ่งเดือน
ส่วนกรณีที่ระบุว่าแม่ของผู้เสียหายจะเดินทางมายังประเทศไทย เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีนั้น ทางพลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ ระบุว่า แม่ของผู้เสียหายไม่ใช่พยานบุคคลที่สำคัญ จึงไม่มีผลต่อรูปคดี และหลังจากนี้ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งตั้งคณะทำงานเพื่อเดินทางไปสอบปากคำหญิงสาวชาวอังกฤษ หรือประเทศอังกฤษ พร้อมยืนยันว่าเตรียมออกหมายจับเจ้าของเพจ 2 เพจ คือ CSI LA และสมุยไทม์ ที่โพสต์ข้อความเหตุการณ์ดังกล่าวจนสร้างความเสื่อมเสียทางด้านการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้สามารถพิสูจน์ตัวตนของเจ้าของเพจได้แล้ว
โดยหลังจากนี้หากมีการตรวจสอบพบว่าหญิงสาวชาวอังกฤษมีการโพสต์ข้อความอันเป็นเท็จ ก็จะดำเนินการตามข้อกฎหมายของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและกฎหมายอาญาของประเทศไทย ขณะที่ก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งความเท็จของชาวต่างชาติทำให้เกิดความเสื่อมเสียทางด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย รวม 4 คดี ในพื้นที่ จ.กระบี่ เกาะสมุย และเกาะเต่า ซึ่งทางตำรวจได้ดำเนินการแจ้งความและผลักดันออกนอกประเทศ พร้อมกับขึ้นแบล็กลิสต์ถาวร เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ปัญหาในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นอีกในอนาคต
ขณะที่จากการพูดคุยในครั้งนี้ทางกงสุลใหญ่ประเทศอังกฤษประจำประเทศไทย ได้ชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการหาข้อเท็จจริงดังกล่าว แม้ว่าสาวชาวอังกฤษจะไม่มีการแจ้งข้อหาข่มขืน แต่ตอนนี้ตำรวจของไทยก็สามารถหาพยานหลักฐานมาหักล้าง และทำงานอย่างเต็มที่
ส่วนภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยจากสายตานักท่องเที่ยวอังกฤษ ทางพลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ ระบุว่า ยังไม่ได้รับผลกระทบ เพราะจากการตรวจสอบทางโรงแรมที่พักยังถูกจองเต็มจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งทางตำรวจจะต้องหารือถึงมาตรการในการป้องกันและเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำต่อไป
