เผยคลิปแฉพฤติกรรมพี่เลี้ยงเด็กใจเหี้ยม ใช้ผ้าห่มปิดหน้าและบีบคอเด็กเพื่อให้เงียบ หลังส่งเสียงร้องไห้ดัง ก่อนถูกตำรวจเข้าจับกุมตั้งข้อหาทารุณกรรม แม่ยันเอาเรื่องถึงที่สุด
เหตุการณ์เกิดขึ้นที่สถานรับเลี้ยงเด็กแห่งหนึ่งในประเทศคาซัคสถาน โดยรายงานเผยว่า ผู้ช่วยของครูพี่เลี้ยงเด็กรายดังกล่าวเป็นผู้ถ่ายคลิปนี้ไว้ แต่ไม่ได้เข้าไปห้ามหรือหยุดการกระทำดังกล่าว เป็นเวลานานกว่า 2 นาที โดยครูพี่เลี้ยงพูดด้วยความโมโหว่า "หยุดร้อง ! เงียบปากสักที" ขณะที่เด็กก็พยายามดิ้น และส่งเสียงกรีดร้องดังมากขึ้นด้วยความหวาดกลัว
ขณะที่แม่ของเด็ก เผยว่า ต้องการให้ทางศาลตัดสินโทษขั้นเด็ดขาดกับครูพี่เลี้ยงรายนี้ ขณะที่ทางด้านยายของเด็ก กล่าวว่า เธอรู้สึกผิดที่ส่งหลานไปอยู่ในความดูแลของสถานรับเลี้ยงเด็กที่นั่น ราวกับว่าเธอส่งหลานตัวเองไปลงนรกด้วยมือของเธอเอง ก่อนหน้านี้ก็สังเกตว่าหลานมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป อารมณ์รุนแรงมากขึ้น แต่ทางครอบครัวก็ไม่ได้เอะใจอะไร กระทั่งมาได้ทราบเรื่องสะเทือนใจเช่นนี้
ภาพจาก sonechko751
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2561 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า อูมิต ปีร์มาฮาโนวา หญิงวัย 50 ปี อาชีพครูพี่เลี้ยงเด็ก
ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวพร้อมตั้งข้อหาดำเนินคดีอาชญากรรม
ภายหลังจากมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอแฉพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงของเธอ ซึ่งใช้ผ้าห่มปิดหน้าและบีบคอเด็กที่อยู่ในความดูแล เพื่อให้เด็กเงียบ
ภายหลังจากเด็กร้องไห้เสียงดังไม่ยอมหยุด
เหตุการณ์เกิดขึ้นที่สถานรับเลี้ยงเด็กแห่งหนึ่งในประเทศคาซัคสถาน โดยรายงานเผยว่า ผู้ช่วยของครูพี่เลี้ยงเด็กรายดังกล่าวเป็นผู้ถ่ายคลิปนี้ไว้ แต่ไม่ได้เข้าไปห้ามหรือหยุดการกระทำดังกล่าว เป็นเวลานานกว่า 2 นาที โดยครูพี่เลี้ยงพูดด้วยความโมโหว่า "หยุดร้อง ! เงียบปากสักที" ขณะที่เด็กก็พยายามดิ้น และส่งเสียงกรีดร้องดังมากขึ้นด้วยความหวาดกลัว
ภายหลังจากคลิปวิดีโอถูกนำไปแชร์ในโซเชียลก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
ก่อนจะนำไปสู่การจับกุมครูพี่เลี้ยงรายดังกล่าวได้ในที่สุด
เธอถูกตั้งข้อหาดำเนินคดีฐานทารุณกรรม และอาจถูกจำคุกเป็นเวลา 75 วัน
โดยเจ้าตัวได้รับสารภาพว่าตอนนั้นอยู่ในอารมณ์โมโห เธอกล่าวว่า "ฉันเหนื่อยมาก ฉันขอโทษกับสิ่งที่ทำไป ฉันรู้สึกเครียดกับเด็กมากเกินไป
เด็กคนนั้นกระโดดบนเตียงและกรีดร้องเสียงดัง ทำให้เด็ก ๆ คนอื่นไม่ได้นอน"
ขณะที่แม่ของเด็ก เผยว่า ต้องการให้ทางศาลตัดสินโทษขั้นเด็ดขาดกับครูพี่เลี้ยงรายนี้ ขณะที่ทางด้านยายของเด็ก กล่าวว่า เธอรู้สึกผิดที่ส่งหลานไปอยู่ในความดูแลของสถานรับเลี้ยงเด็กที่นั่น ราวกับว่าเธอส่งหลานตัวเองไปลงนรกด้วยมือของเธอเอง ก่อนหน้านี้ก็สังเกตว่าหลานมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป อารมณ์รุนแรงมากขึ้น แต่ทางครอบครัวก็ไม่ได้เอะใจอะไร กระทั่งมาได้ทราบเรื่องสะเทือนใจเช่นนี้