ผู้เชี่ยวชาญด้านปืนใหญ่ ชี้ ปืนใหญ่กระบอกล่าสุดที่พบบริเวณท้องสนามหลวง เป็นปืนใหญ่แบบทรงอังกฤษ อายุเก่าแก่สมัยรัชกาลที่ 3 เร่งตรวจสอบสัญลักษณ์สำคัญบนกระบอกปืน เพื่อชี้ชัดว่า ผลิตในประเทศอังกฤษหรือหล่อในไทย
เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2561 สำนักข่าวไทย รายงานว่า นักวิชาการของกรมศิลปากร กรมอู่ทหารเรือ
และผู้เชี่ยวชาญด้านปืนใหญ่ ร่วมเสวนาวิชาการเกี่ยวกับปืนใหญ่ในสยาม
ซึ่งกรมศิลปากรจัดขึ้น หลังพบปืนใหญ่กระบอกล่าสุดที่ท้องสนามหลวง
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา (อ่านข่าว :
พบปืนใหญ่ถูกฝังไว้กลางพื้นที่่ท้องสนามหลวง คาดตั้งแต่สมัย ร.4 - ร.5)
โดยขุดพบในแนววางท่อระบายน้ำในพื้นที่สนามหลวง ตรงข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระหว่างขุดลึกในดินประมาณ 1 เมตร เป็นปืนใหญ่หล่อด้วยเหล็ก ขนาดยาว 3.05 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางปากกระบอก 45 เซนติเมตร ลำกล้องขนาด 22 เซนติเมตร ท้ายปืนตัน บรรจุกระสุนทางปากกระบอก ตอนพบภายในปืนใหญ่มีกระสุนปืนคาในลำกล้องพร้อมกับก้อนอิฐที่ถูกความร้อนจนละลาย เหนือแกนจานท้ายปืนมีห่วงร้อยเชือกหรือหูกระวินสำหรับร้อยเชือกตรึงรับแรงสะท้อนถอยหลังขณะยิง ซึ่งขณะนี้ปืนใหญ่ดังกล่าวได้ถูกนำเก็บรักษาไว้ชั่วคราวในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร เพื่อกรมศิลปากรดำเนินการอนุรักษ์และศึกษารูปแบบ
ขณะที่ นายศิริรัจน์ วังศพ่าห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านปืนใหญ่ ระบุว่า จากการดูรูปร่างภายนอกของปืนใหญ่ดังกล่าว เบื้องต้นมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นปืนใหญ่ที่ผลิตขึ้นในประเทศอังกฤษ รุ่น โบลมฟิลด์ ( Blome Field) ที่ผลิตขึ้นในระหว่างปี 2330-2358 เพราะมีลักษณะพิเศษที่สำคัญของรุ่นนี้ คือมีหูสำหรับร้อยเชือกเพื่อยึดกับฐานหรือเรือขณะยิง
สำหรับการค้นพบปืนใหญ่ในประเทศไทย โดยภาพรวมตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ มีการค้นพบมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งปืนใหญ่ที่ไทยสร้างเอง และมีหลักฐานว่ามาจากต่างชาติ ซึ่งทั้งหมดเก็บรักษาไว้ในสถานที่สำคัญ รวมถึงสถานที่ราชการทั่วประเทศ
เช่นเดียวกับการพบปืนใหญ่ครั้งล่าสุดนี้ ก็ไม่ได้เป็นการพบครั้งแรก เพราะปกติในการปรับปรุงบริเวณพื้นที่วังหน้า ที่ครอบคลุมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โรงละครแห่งชาติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มักจะพบอาวุธปืน กระสุนหรืออาวุธยุทโธปกรณ์อื่น ๆ หลายกระบอกนำขึ้นมาอนุรักษ์ไว้โดยกรมศิลปากร และมีอีกหลายกระบอกกระทรวงกลาโหมขอนำไปศึกษา
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก