ศาลพิพากษาจำคุก ซินแสโชกุน 4,355 ปี คดีลอยแพทัวร์ญี่ปุ่น พร้อมสั่งปรับเงิน 435 ล้านบาท
วันที่ 12 กันยายน 2561 มีรายงานว่า ศาลอาญา รัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 เป็นโจทก์ฟ้อง บริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด โดย นางสาวพสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ ซินแส โชกุน กับพวกรวม 10 คน เป็นจำเลยที่ 1-10 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ, พ.ร.บ.อาหาร และข้อหาอื่น ๆ
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นควรพิพากษาให้จำคุก นางสาวพสิษฐ์ หรือ ซินแสโชกุน จำเลยที่ 2, จำเลยที่ 5 และจำเลยที่ 8 รวม 871 กระทง เป็นเวลาทั้งสิ้น 4,355 ปี ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงตามกฎหมายแล้วให้จำคุกสูงสุด 20 ปี
ส่วนข้อหาร่วมกันจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ควบคุมฉลากโดยแสดงฉลากไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 ให้ปรับจำเลยที่ 2 เป็นเงิน 20,000 บาท พร้อมสั่งให้ปรับบริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด จำเลยที่ 1 ด้วย เป็นเงิน 435,520,000 บาท ฐานกู้ยืมเงิน พ.ร.บ.อาหาร และ พ.ร.บ.ยา และให้ริบของกลางอาหารเสริมทั้งหมด ส่วนจำเลยที่ 3, 4, 6, 7, 9 และ 10 ให้ยกฟ้อง
นอกจากนี้ ศาลยังสั่งให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้เงินคืนให้กับผู้สียหาย จำนวน 871 คน เป็นเงินกว่า 51 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
ส่วนบรรยากาศภายในห้องพิจารณาคดีมีญาติมาร่วมรับฟัง โดยเมื่อศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จ ซินแสโชกุน ยังมีสีหน้าเรียบเฉยและพูดคุยกับญาติตามปกติ แต่จำเลยที่ 8 ซึ่งมีหน้าที่ดูแลการเงินอยู่ในอาการร่ำไห้
สำหรับคดีดังกล่าว สืบเนื่องจาก เมื่อเดือนมกราคม-เมษายน 2560 จำเลยกับพวก ชักชวนให้ผู้เสียหายเข้าเป็นสมาชิกของบริษัทผลิตภัณฑ์อาหารเสริม โดยระบุให้สมาชิกชำระเงิน 9,700 บาทต่อคน แล้วจะได้อาหารเสริม 2 กระปุก พร้อมกับอ้างว่าสมาชิกจะมีสิทธิ์ได้เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศแถบเอเชียด้วย อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง แต่กลับถูกลอยแพที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งคดีพบมูลค่าความเสียหายกว่า 51 ล้านบาท
วันที่ 12 กันยายน 2561 มีรายงานว่า ศาลอาญา รัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 เป็นโจทก์ฟ้อง บริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด โดย นางสาวพสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ ซินแส โชกุน กับพวกรวม 10 คน เป็นจำเลยที่ 1-10 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ, พ.ร.บ.อาหาร และข้อหาอื่น ๆ
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นควรพิพากษาให้จำคุก นางสาวพสิษฐ์ หรือ ซินแสโชกุน จำเลยที่ 2, จำเลยที่ 5 และจำเลยที่ 8 รวม 871 กระทง เป็นเวลาทั้งสิ้น 4,355 ปี ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงตามกฎหมายแล้วให้จำคุกสูงสุด 20 ปี
ส่วนข้อหาร่วมกันจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ควบคุมฉลากโดยแสดงฉลากไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 ให้ปรับจำเลยที่ 2 เป็นเงิน 20,000 บาท พร้อมสั่งให้ปรับบริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด จำเลยที่ 1 ด้วย เป็นเงิน 435,520,000 บาท ฐานกู้ยืมเงิน พ.ร.บ.อาหาร และ พ.ร.บ.ยา และให้ริบของกลางอาหารเสริมทั้งหมด ส่วนจำเลยที่ 3, 4, 6, 7, 9 และ 10 ให้ยกฟ้อง
นอกจากนี้ ศาลยังสั่งให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้เงินคืนให้กับผู้สียหาย จำนวน 871 คน เป็นเงินกว่า 51 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
ส่วนบรรยากาศภายในห้องพิจารณาคดีมีญาติมาร่วมรับฟัง โดยเมื่อศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จ ซินแสโชกุน ยังมีสีหน้าเรียบเฉยและพูดคุยกับญาติตามปกติ แต่จำเลยที่ 8 ซึ่งมีหน้าที่ดูแลการเงินอยู่ในอาการร่ำไห้
สำหรับคดีดังกล่าว สืบเนื่องจาก เมื่อเดือนมกราคม-เมษายน 2560 จำเลยกับพวก ชักชวนให้ผู้เสียหายเข้าเป็นสมาชิกของบริษัทผลิตภัณฑ์อาหารเสริม โดยระบุให้สมาชิกชำระเงิน 9,700 บาทต่อคน แล้วจะได้อาหารเสริม 2 กระปุก พร้อมกับอ้างว่าสมาชิกจะมีสิทธิ์ได้เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศแถบเอเชียด้วย อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง แต่กลับถูกลอยแพที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งคดีพบมูลค่าความเสียหายกว่า 51 ล้านบาท
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN