เก่ง เกียร์อาร์ ไม่สนคนมองทำประชด หลังโพสต์รูปคู่รถเข็น พร้อมแคปชั่นถอยรถใหม่..แต่ไม่ต้องใช้ใบขับขี่ ยันหากถูกขนส่งเพิกถอนใบขับขี่ ก็ไม่เครียด เพราะนั่งรถเมล์-เดินไปทำงานได้ !!
จนในเวลาต่อมา ทางกรมขนส่งฯ ออกมาชี้แจงว่า ไม่สามารถเพิกถอนใบขับขี่ได้หากคดียังไม่สิ้นสุด ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้เอกสารที่เป็นหลักฐานชัดเจนจากศาล เบื้องต้นได้ส่งเรื่องขอเอกสารคำพิพากษาของศาลฎีกา จากศาลแขวงพระนครเหนือแล้ว และหากพบว่าศาลฎีกายืนพิพากษาตามศาลชั้นต้น และชั้นอุทธรณ์ ให้เพิกถอนใบขับขี่ ก็จะเพิกถอนยึดคืนใบขับขี่ตลอดชีพทันที ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : แจงปมคืนใบขับขี่ เก่ง เกียร์อาร์ เหตุไม่ทำผิดซ้ำ-รอเอกสารคำตัดสินศาลฎีกา ก่อนเล็งยึดใหม่)
ล่าสุด (12 กันยายน 2561)
เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานบทสัมภาษณ์ เก่ง เกียร์อาร์ ถึงประเด็นดังกล่าว
โดยเจ้าตัวเปิดเผยอย่างอารมณ์ดีว่า ตนเองไม่เครียดหลังถูกจับผิดเรื่องได้ใบขับขี่คืนมา เพราะโทษทางคดีจบลงแล้ว
ซึ่งเข้าใจว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี จึงมีบางคนที่เครียด
เลยสร้างเฟซบุ๊กปลอมมาเพื่อสร้างเรื่องต่อว่าตน แต่ตนอยากจะบอกกลับไปว่า
ให้เอาเวลาไปดูแลครอบครัวตัวเองดีกว่า
เก่ง
เกียร์อาร์ เผยทิ้งท้ายว่า ช่วงที่ผ่านมาตนเองก็นั่งรถสาธารณะจนชินแล้ว
และบางทีก็เดินไปทำงาน ซึ่งหากถูกเพิกถอนใบขับขี่ครั้งนี้ ตนเองก็ไม่เครียด
สำหรับภาพที่มีการโพสต์ยืนบนรถเข็นนั้น ตนอยากให้มองในมุมบวก
แต่หากจะมีคนมองว่าตนเองประชดใครหรือไม่นั้น ตนเองก็คงไม่ได้สนใจอะไร
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก


ความคืบหน้าประเด็นดราม่าใบขับขี่ของ นายภัทรศักดิ์ เทียมประเสริฐ หรือ เก่ง เกียร์อาร์ หลังเจ้าตัวได้มีการโพสต์ภาพถ่ายคู่ใบขับขี่
ระบุว่าได้คืนมาแล้วหลังโทษคดีถอยรถชนจบลง
แต่กลับถูกโซเชียลตั้งข้อสงสัยว่าถูกเพิกถอนไปแล้ว
เหตุใดถึงสามารถใช้ได้อีก
จนในเวลาต่อมา ทางกรมขนส่งฯ ออกมาชี้แจงว่า ไม่สามารถเพิกถอนใบขับขี่ได้หากคดียังไม่สิ้นสุด ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้เอกสารที่เป็นหลักฐานชัดเจนจากศาล เบื้องต้นได้ส่งเรื่องขอเอกสารคำพิพากษาของศาลฎีกา จากศาลแขวงพระนครเหนือแล้ว และหากพบว่าศาลฎีกายืนพิพากษาตามศาลชั้นต้น และชั้นอุทธรณ์ ให้เพิกถอนใบขับขี่ ก็จะเพิกถอนยึดคืนใบขับขี่ตลอดชีพทันที ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : แจงปมคืนใบขับขี่ เก่ง เกียร์อาร์ เหตุไม่ทำผิดซ้ำ-รอเอกสารคำตัดสินศาลฎีกา ก่อนเล็งยึดใหม่)

ทั้งนี้ ตนเองตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดบรรดาเพจต่าง ๆ ถึงมีอิทธิพลเหนือกว่าหน่วยงานภาครัฐ ที่สามารถชี้เป็นชี้ตายใครต่อใครได้

