ชาวเน็ตใจดีช่วยบริจาคเงินล้าน เป็นค่ารักษาเด็กน้อยประสบอุบัติเหตุ แม่สุดซึ้งใจ ไม่ลืมทุกน้ำใจที่ได้รับ หลังฟ้องเรียกค่าชดเชยสำเร็จ ขอโอนคืนทุกสตางค์ที่ได้กลับคืน
เป็นเรื่องราวชวนอบอุ่นใจที่เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์อันเลวร้าย หลังจากที่เด็กหญิงหนึ่งเกิดประสบอุบัติเหตุจนเป็นอัมพาตกะทันหัน ผู้เป็นแม่จำต้องประกาศขายบ้านที่มีเพื่อนำเงินมาเป็นค่ารักษา แต่ด้วยน้ำใจจากชาวเน็ต ทางครอบครัวจึงได้รับเงินบริจาคก้อนใหญ่มาเป็นเงินสำรองในการรักษาลูกสาว ซึ่งผู้เป็นแม่ก็ไม่เคยลืมบุญคุณและน้ำใจที่ได้รับแม้แต่น้อย
โดยรายงานจากสำนักข่าว China Xinhua News ซึ่งนำเรื่องดังกล่าวมารายงานเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2561 เปิดเผยว่า เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นหลังจากที่ เสี่ยวซิงซิง เด็กหญิงชาวจีน จากเมืองต้าซิง มณฑลเฮย์หลงเจียง เกิดประสบอุบัติเหตุขณะเรียนอยู่ที่สถาบันสอนเต้น เมื่อเดือนกันยายน 2560 จากนั้นเด็กหญิงที่กลายเป็นอัมพาตกะทันหันได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ซึ่ง จ้าวอิงเจี๋ย ผู้เป็นแม่เองก็ตัดสินใจประกาศขายบ้านผ่านโซเชียลมีเดีย หวังจะได้รับเงินมารักษาลูกให้ดีที่สุด
ทว่าเมื่อเรื่องดังกล่าวเป็นที่ทราบกันในวงกว้าง ก็ได้มีชาวเน็ตใจดีช่วยกันบริจาคเงินเข้ามา รวมเป็นเงินถึง 6 แสนหยวน (ราว 2.8 ล้านบาท) ภายในเวลาชั่วข้ามคืน จากยอดบริจาค 1.8 หมื่นครั้ง ซึ่ง จ้าวอิงเจี๋ย ก็ได้ทำการจดบันทึกรายชื่อผู้บริจาค และยอดเงินทั้งหมดไว้อย่างละเอียด เธอประกาศชัดเจนว่าจะไม่แตะต้องเงินเหล่านี้ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ
กระทั่งอีก 1 ปีต่อมา สิ่งที่ใครต่างไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อ จ้าวอิงเจี๋ย ได้ทำการโอนเงินบริจาคทั้งหมดที่เธอได้รับมา คืนสู่บัญชีของผู้บริจาคและองค์กรต่าง ๆ จนครบถ้วนไม่ตกหล่น หลังพิสูจน์ได้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับลูกสาว เกิดจากท่าทางการฝึกสอน ไม่ใช่โรคที่เป็นมาแต่กำเนิดอย่างที่สถาบันสอนเต้นอ้าง เธอจึงชนะคดีและได้รับเงินชดเชยมาก้อนหนึ่ง
ด้วยเงินชดเชยทั้งหมดประกอบกับเงินที่หยิบยืมมาจากญาติและคนรู้จัก ก็เพียงพอแล้วสำหรับการรักษาลูกสาวในอนาคต ดังนั้น จ้าวอิงเจี๋ย กับสามี จึงตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่เธอจะคืนเงินที่ได้รับจากผู้มีน้ำใจ กลับคืนให้พวกเขา แม้หน่วยงานด้านการกุศลแห่งหนึ่งจะมองว่า เธอจะรอให้ลูกสาวหายดีก่อนแล้วค่อยคืนก็ได้
การคืนเงินบริจาคเช่นนี้นับเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง ซึ่งในเรื่องนี้ จ้าวอิงเจี๋ย คิดว่าเธอไม่อยากทรยศน้ำใจชาวเน็ตด้วยการเก็บเงินบริจาคไว้กับตัว เพราะเธอคิดว่าน้ำใจและความดีงามของผู้คน สมควรได้รับการส่งต่อและเห็นคุณค่า โดยหลังจากที่เธอได้คืนเงินไปแล้ว ก็ทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นและนอนหลับได้เต็มอิ่มกว่าเดิมเสียอีก
ทั้งนี้ปัจจุบัน เสี่ยวซิงซิง อาการดีขึ้นจนสามารถยืนได้ด้วยตัวเองแล้ว แม้จะยังไม่หายดีและต้องทำกายภาพบำบัดต่อจากนี้ก็ตาม โดยผู้เป็นแม่ก็จะมุ่งมั่นหาเงินมารักษาลูกสาวด้วยตัวเอง ยอมที่จะหางานพาร์ตไทม์ทำเพิ่มต่อไปเพื่อมอบการรักษาที่ดีที่สุดแก่ลูกสาว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
