ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เผยเตรียมเปิดให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ส่วนต่อขยายด้านใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ในเดือนธันวาคม 2561 สำหรับส่วนขยายฝั่งเหนือ หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เปิดให้บริการ 2563
![]()
ภาพจาก phol_66 / Shutterstock.com
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2561 เว็บไซต์เวิร์คพอยท์นิวส์ รายงานว่า พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ทางกรุงเทพมหานคร ได้เจรจากับ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า หรือ บีทีเอส (BTS) ให้กำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวตลอดทั้งเส้นทาง รวมส่วนต่อขยายทั้งหมด ไม่เกินเที่ยวละ 65 บาท เนื่องจากการเก็บค่าโดยสารตามระยะทางในรูปแบบเดิม จะมีอัตราค่าโดยสารสูงสุด 142 บาทต่อเที่ยว ซึ่งสูงเกินกว่าที่ประชาชนจะรับภาระได้ สำหรับปัจจุบัน อัตราค่าโดยสารสูงสุดของรถไฟฟ้าบีทีเอส คือ 59 บาทต่อเที่ยว ในส่วนเส้นทางสัมปทานเดิม ไม่เกิน 44 บาทต่อเที่ยว และส่วนต่อขยายที่กรุงเทพฯ จ้างเดินรถ คือ 15 บาทต่อเที่ยว
![]()
ทาง กทม. ต้องการให้รถไฟฟ้าบีทีเอสปรับอัตราค่าโดยสารใหม่ รวมถึงเจรจาทบทวนสัญญาสัมปทาน ซึ่งเหลืออายุ 10 ปี โดยเงื่อนไขใหม่จะให้บีทีเอสเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายทั้งด้านเหนือและใต้ และปรับอายุสัญญาสัมปทานออกไปอีก 20 ปี ซึ่งมีเงื่อนไขให้บีทีเอสรับผิดชอบหนี้สินที่ กทม. รับโอนทรัพย์สินส่วนต่อขยายทั้งสองด้าน จากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มูลหนี้รวมดอกเบี้ย 1 แสนล้านบาท แทน เป็นระยะเวลา 10 ปี ส่วนช่วงที่ 2 อีก 10 ปีที่เหลือ ทางบีทีเอสจะต้องจ่ายค่าเช่าที่ดินให้ กทม. ในอัตราเป็นขั้นบันไดจากปีแรก ราว 5 พันล้านบาท และเมื่อถึงปีที่ 10 จะต้องจ่ายประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ทาง กทม. จะนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมทั้งเสนอสัญญาสัมปทานฉบับใหม่ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ หลังจากนั้น ทาง กทม. จะลงนามสัญญากับบีทีเอส เพื่อเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ในเดือนธันวาคมนี้
สำหรับส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว ทั้งด้านเหนือและใต้ ก็จะเปิดให้บริการเพิ่ม โดยด้านใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ มีระยะทาง 13 กิโลเมตร มีจำนวนสถานี 9 สถานี ขณะนี้ก่อสร้างเสร็จแล้ว ได้ทดลองเปิดใช้ 1 สถานี ที่สถานีแบริ่ง และจะเปิดบริการในเดือนธันวาคม 2561 ส่วนทางด้านเหนือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต จะมีระยะทาง 19 กิโลเมตร ซึ่งจะทำให้ระยะทางยาวขึ้นเป็น 60 กิโลเมตร มีจำนวนสถานีทั้งหมด 16 สถานี และจะเปิดให้บริการในปี 2563
ด้าน นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการพัฒนา บัตรแมงมุม ระบบ EMV (Europay Mastercard and Visa) ในการชำระค่าโดยสารระบบขนส่งมวลชนนั้น ขณะนี้นับว่าเดินหน้าไปได้ด้วยดี โดยหน่วยงานต่าง ๆ ทั้ง แอร์พอร์ต เรียล ลิงก์, องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ได้เร่งพัฒนาปรับปรุงระบบ เพื่อรองรับการใช้งานให้มีความเสถียรต่อทุกระบบ รวมถึงการบริหารจัดการรายได้กลาง ซึ่งการดำเนินการต้องใช้เวลา เพื่อให้ระบบใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับความคืบหน้าระบบตั๋วร่วมหรือบัตรแมงมุม นายชัยวัฒน์ เผยว่า ได้เร่งทั้ง ขสมก. รฟม. และแอร์พอร์ต เรียล ลิงก์ ดำเนินการติดตั้งและปรับระบบอ่านบัตร เป็น 2.5 ให้แล้วเสร็จ ภายในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนนี้ โดยเฉพาะ แอร์พอร์ต เรียล ลิงก์ ที่ได้เร่งรัดมาต่อเนื่อง
ทั้งนี้จะเริ่มเปิดให้บริการบัตรแมงมุม ระบบ EMV (Europay Mastercard and Visa) กับรถไฟฟ้าทุกสาย รวมทั้งรถโดยสารประจำทางของ ขสมก. ภายในเดือนธันวาคม 2562
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ภาพจาก phol_66 / Shutterstock.com
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2561 เว็บไซต์เวิร์คพอยท์นิวส์ รายงานว่า พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ทางกรุงเทพมหานคร ได้เจรจากับ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า หรือ บีทีเอส (BTS) ให้กำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวตลอดทั้งเส้นทาง รวมส่วนต่อขยายทั้งหมด ไม่เกินเที่ยวละ 65 บาท เนื่องจากการเก็บค่าโดยสารตามระยะทางในรูปแบบเดิม จะมีอัตราค่าโดยสารสูงสุด 142 บาทต่อเที่ยว ซึ่งสูงเกินกว่าที่ประชาชนจะรับภาระได้ สำหรับปัจจุบัน อัตราค่าโดยสารสูงสุดของรถไฟฟ้าบีทีเอส คือ 59 บาทต่อเที่ยว ในส่วนเส้นทางสัมปทานเดิม ไม่เกิน 44 บาทต่อเที่ยว และส่วนต่อขยายที่กรุงเทพฯ จ้างเดินรถ คือ 15 บาทต่อเที่ยว
แผนผังรถไฟฟ้าบีทีเอส เมื่อสร้างครบหมดทุกสาย ภาพจาก mrta
ทาง กทม. ต้องการให้รถไฟฟ้าบีทีเอสปรับอัตราค่าโดยสารใหม่ รวมถึงเจรจาทบทวนสัญญาสัมปทาน ซึ่งเหลืออายุ 10 ปี โดยเงื่อนไขใหม่จะให้บีทีเอสเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายทั้งด้านเหนือและใต้ และปรับอายุสัญญาสัมปทานออกไปอีก 20 ปี ซึ่งมีเงื่อนไขให้บีทีเอสรับผิดชอบหนี้สินที่ กทม. รับโอนทรัพย์สินส่วนต่อขยายทั้งสองด้าน จากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มูลหนี้รวมดอกเบี้ย 1 แสนล้านบาท แทน เป็นระยะเวลา 10 ปี ส่วนช่วงที่ 2 อีก 10 ปีที่เหลือ ทางบีทีเอสจะต้องจ่ายค่าเช่าที่ดินให้ กทม. ในอัตราเป็นขั้นบันไดจากปีแรก ราว 5 พันล้านบาท และเมื่อถึงปีที่ 10 จะต้องจ่ายประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ทาง กทม. จะนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมทั้งเสนอสัญญาสัมปทานฉบับใหม่ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ หลังจากนั้น ทาง กทม. จะลงนามสัญญากับบีทีเอส เพื่อเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ในเดือนธันวาคมนี้
สำหรับส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว ทั้งด้านเหนือและใต้ ก็จะเปิดให้บริการเพิ่ม โดยด้านใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ มีระยะทาง 13 กิโลเมตร มีจำนวนสถานี 9 สถานี ขณะนี้ก่อสร้างเสร็จแล้ว ได้ทดลองเปิดใช้ 1 สถานี ที่สถานีแบริ่ง และจะเปิดบริการในเดือนธันวาคม 2561 ส่วนทางด้านเหนือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต จะมีระยะทาง 19 กิโลเมตร ซึ่งจะทำให้ระยะทางยาวขึ้นเป็น 60 กิโลเมตร มีจำนวนสถานีทั้งหมด 16 สถานี และจะเปิดให้บริการในปี 2563
ด้าน นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการพัฒนา บัตรแมงมุม ระบบ EMV (Europay Mastercard and Visa) ในการชำระค่าโดยสารระบบขนส่งมวลชนนั้น ขณะนี้นับว่าเดินหน้าไปได้ด้วยดี โดยหน่วยงานต่าง ๆ ทั้ง แอร์พอร์ต เรียล ลิงก์, องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ได้เร่งพัฒนาปรับปรุงระบบ เพื่อรองรับการใช้งานให้มีความเสถียรต่อทุกระบบ รวมถึงการบริหารจัดการรายได้กลาง ซึ่งการดำเนินการต้องใช้เวลา เพื่อให้ระบบใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับความคืบหน้าระบบตั๋วร่วมหรือบัตรแมงมุม นายชัยวัฒน์ เผยว่า ได้เร่งทั้ง ขสมก. รฟม. และแอร์พอร์ต เรียล ลิงก์ ดำเนินการติดตั้งและปรับระบบอ่านบัตร เป็น 2.5 ให้แล้วเสร็จ ภายในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนนี้ โดยเฉพาะ แอร์พอร์ต เรียล ลิงก์ ที่ได้เร่งรัดมาต่อเนื่อง
ทั้งนี้จะเริ่มเปิดให้บริการบัตรแมงมุม ระบบ EMV (Europay Mastercard and Visa) กับรถไฟฟ้าทุกสาย รวมทั้งรถโดยสารประจำทางของ ขสมก. ภายในเดือนธันวาคม 2562
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
