พ่อหนุ่มคลั่งตีตำรวจ ปัดถูกชาวบ้านรุม ชี้ถูกตำรวจตี ด้านญาติอ้างตำรวจด่าแม่หลานจนทำให้คลุ้มคลั่งหนัก ติดใจตำรวจเจ็บส่งโรงพยาบาลได้ หลานก็เจ็บแต่ส่งไม่ได้ - จ่อดำเนินคดีความหาคนผิด
ความคืบหน้าคดี นายวายุ กัญญประสิทธิ์ อายุ 27 ปี หนุ่มคลุ้มคลั่ง จากผลของยาเสพติด ก่อเหตุใช้ไม้หน้าสามตี ร.ต.ท. วิทยา อาจหาญ รอง.สวป. สภ.ภักดีชุมพล ขณะเข้าระงับเหตุจนได้รับเจ็บอาการสาหัส มีเลือดคั่งในสมอง ซึ่งทางญาติติดใจการตายของนายวายุ ผู้ก่อเหตุ หลังถูกทำร้ายในที่เกิดเหตุ แต่ตำรวจไม่นำตัวส่งโรงพยาบาล จนชักเสียชีวิตในห้องขัง ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : ป้าหนุ่มคลั่งตีตำรวจปางตาย เล็งฟ้องเพื่อนบ้านรุมตื้บหลาน ชี้รอผลชันสูตรพลิกศพ)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ (8 ตุลาคม 2561) รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานบทสัมภาษณ์ นายภัทรวุฒิ แตงหอม อาเขยนายวายุ ผู้ต้องหาที่เสียชีวิต เปิดเผยว่า หลานชายคนมีอาการคลุ้มคลั่งจริง จากสาเหตุติดยาบ้ามาเป็นเวลานานหลายปี วันที่เกิดเหตุก็มีอาการตาขวางใส่ชาวบ้านไปทั่ว จึงได้โทร. แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยระงับเหตุ เพื่อนำตัวไปบำบัด โดยหลานชายอยู่บ้านตามลำพัง เคยมีภรรยาและลูก 1 คน แต่เลิกราไปแล้ว ส่วนพ่อก็อยู่กันคนละหลัง
นายภัทรวุฒิ เผยต่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงบ้านหลังโทร. แจ้ง ตนเองมองว่าไม่ได้มีการเตรียมตัวอะไรมาเลย ไม่มีการวางแผน อยู่ ๆ ก็เข้าไปจับกุมหลานในบ้าน เข้าไปด่าหลานว่าอยากตายตามแม่มึงเหรอ จนทำให้หลานคลุ้มคลั่งและมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น ก่อนที่พ่อของหลานจะเข้ามาล็อกคอห้ามตามในคลิป
ตนเองติดใจการเสียชีวิตของหลานชาย คือเหตุใดถึงไม่ส่งหลานชายรักษาที่โรงพยาบาลทั้งที่ระยะทางก็ไม่ไกล แค่ 4 กิโลเมตร และเหตุใดไม่แจ้งว่าหลานตายแล้วตั้งแต่กลางคืน ให้ญาติ ๆ มารู้เองช่วงเช้าขณะเดินทางมาเยี่ยมที่โรงพัก ซึ่งหลังจากนี้จะมีการแจ้งความเพื่อหาคนกระทำผิดต่อไป
"ทำไมตำรวจบาดเจ็บไปโรงพยาบาลได้ แต่ผู้ต้องหาบาดเจ็บไปโรงพยาบาลไม่ได้ และช่วงเวลากลางคืนไม่กี่ชั่วโมงทำไมผู้ต้องหาถึงตายได้ สาเหตุเกิดจากอะไร เพราะไปถึงโรงพยาบาลแล้วเลือดบนเสื่อยังไม่มีเลย แสดงว่าตายตั้งแต่ที่โรงพักแล้ว"
ขณะที่ นายประดิษฐ์ กัญญาประสิทธิ์ พ่อนายวายุ ผู้ต้องหาที่เสียชีวิต เปิดเผยว่า ลูกชายมีอาการคลุ้มคลั่งมา 2 วันแล้วก่อนก่อเหตุ ซึ่งสาเหตุมาจากยาเสพติด จนวันที่เกิดเรื่องตนเองก็โทร. แจ้งเจ้าหน้าที่ 191 ให้มาจับลูกไปบำบัด เมื่อตำรวจมาถึงก็ยังพูดคุยกับลูกปกติ ยังไม่มีอาการคลุ้มคลั่งอะไร ก่อนจะมาก่อเหตุหลังพูดคุยเสร็จ ตอนที่ขี่รถของเจ้าหน้าที่กลับบ้าน และเจ้าหน้าที่โทร. เรียกกำลังเสริมมา ซึ่งหลังลูกทำร้ายเจ้าหน้าที่ไป ตนเป็นคนเข้าไปล็อกตัวลูก และยืนยันว่าไม่มีชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์ มีแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้ไม้ตีลูกชายตนหลายครั้ง
ทั้งนี้ ตนเองไม่คิดว่าลูกจะตาย เพราะตั้งใจแล้วจะให้เจ้าหน้าที่จับกุมไปบำบัด แต่เจ้าหน้าที่กลับมาแบบไม่มีการเตรียมการ ไม่มีกุญแจมือ จนเมื่อจับกุมไปขังที่โรงพัก ขณะนั้นไม่มีผู้ต้องหา ตนเองจึงเชื่อว่าลูกชายน่าจะเสียชีวิตด้วยฝีมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประกอบกับน้องตนซึ่งเป็นอาของลูกชาย เล่าว่า เดินทางไปเยี่ยมที่โรงพักได้พบเจ้าหน้าที่คนหนึ่งอยู่ในลักษณะคล้ายเมาเหล้า ไล่ให้กลับบ้านไป ไม่ให้เยี่ยม จนต้องก้มลงกราบเท้าจึงยอมให้เยี่ยม พร้อมยืนยันว่าตอนนั้นยังมีชีวิต แต่มาทราบเรื่องว่าเสียชีวิตก็ตอนเช้าแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตนเองก็อยากขอความเป็นธรรมด้วย เพราะไม่คิดว่าลูกจะตายทั้งที่มีแผลแค่หัวแตกเท่านั้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
